เป็นที่รู้กันดีว่าเบลเกรด เมืองหลวงของประเทศเซอร์เบียนั้นศูนย์กลางการค้า วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ เป็นดินแดนที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของยุโรป ยุคอารยธรรมวินคา (Vinča) 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งต่อมาเบลเกรดได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองหลายต่อหลายมือ ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรออตโตมัน จวบจนยูโกสลาเวียเมื่อไม่นานมานี้ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลายๆ แห่งในเมืองเบลเกรดตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันภายในป้อมปราการขนาดใหญ่
สำรวจป้อมปราการเบลเกรดที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 ในย่านกลางเมือง ชมความงามของภาพเส้นขอบฟ้า เกาะ และการบรรจบกันของแม่น้ำสองสาย เดินเล่นไปรอบๆ กำแพงโบราณพร้อมไปกับการซึมซับเรื่องราวที่ร้อยเรียงขึ้นเพื่อบอกเล่าประวัติตั้งแต่ต้นของเมืองนี้ นอกจากนั้น บางครั้งก็มีการจัดแสดงคอนเสิร์ตที่แลนด์มาร์คแห่งประวัติศาสตร์นี้อีกด้วย ซึ่งศิลปินระดับโลกที่ได้จัดคอนเสิร์ตเมื่อไม่นานมานี้รวมถึง ซิมพลี เรด เอมี่ ไวน์เฮาส์ และโมบี้
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ลองเข้าไปศึกษาวัตถุโบราณกว่า 3,000 ชิ้นที่พิพิธภัณฑ์ทหารเบลเกรด (Belgrade Military Museum) ซึ่งตั้งอยู่ภายในป้อมปราการเบลเกรดเช่นกัน สิ่งอื่นๆ ที่จัดแสดงรวมถึงอัฐิ ดาบ และโล่จากยุคที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน โบสถ์รูซิกา (Ružica Church) ตั้งตระหง่านโดดเด่นภายในป้อมปราการเป็นที่รวบรวมภาพวาดจากศิลปินรัสเซีย ภายนอกโบสถ์ถูกปกคลุมด้วยมอสที่ให้ความรู้สึกสวยงามราวกับมีมนต์ขลัง
แวะไปพักผ่อนหาความร่มรื่นให้ชุ่มปอดที่สวนสาธารณะเคลเมกเดน (Kalemegdan Park) ที่กินบริเวณรอบป้อมปราการ สวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่และเป็นเนินเขา ซึ่งชื่อของมันมีความหมายว่าพลาซาของป้อมปราการหรือ “Fortress Plaza” สวนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้และพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม
หากต้องการชื่นชมศิลปะในยุคเก่า อย่าลืมจดลิสต์พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเซอร์เบีย (National Museum of Serbia) ไว้ในรายการท่องเที่ยวด้วยอีกหนึ่งที่ เพราะที่แห่งนี้คุณจะดื่มด่ำกับผลงานทางศิลปะกว่า 400,000 ชิ้นจากทั้งเซซานน์, มาติส, ปิกัสโซ, เรอนัวร์, แวนโก๊ะ, โมเนต์ และอีกมากมาย หากมีเวลาลองแวะเวียนมายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในยามค่ำคืนเพื่อดูการแสดงไฟสลับสีขาวม่วงอันตระการตา นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (Museum of Contemporary Art) ซึ่งแสดงผลงานภาพเขียนของฮอคนีย์และวอร์ฮอล
เบลเกรดเป็นเมืองที่แม่น้ำสองสายดานูบและซาวาไหลมาบรรจบกัน เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบลเกรดคือเป็นเมืองราบลุ่มมีเนินต่ำสลับ โดยมีทิวเขาสองแห่งตั้งเป็นกำแพงอยู่ทางใต้ ฤดูหนาวมีอุณหภูมิหนาวจัดติดลบ และอุณหภูมิในหน้าร้อนก็ร้อนจัดเช่นกัน ภาษาประจำชาติที่ใช้คือภาษาเซอร์เบีย ซึ่งใช้ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมอนเตเนโกรและบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา
หลังจากเต็มอิ่มกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในช่วงวันแล้ว ตอนกลางคืน หากยังไม่เหนื่อยเกินไป อย่าพลาดลองออกไปแฮงก์เอาท์ที่บาร์หรือดิสโก้เพื่อสัมผัสชีวิตยามค่ำคืนซึ่งเป็นกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของเบลเกรดเช่นกัน