เดินสำรวจพื้นที่ลุ่มน้ำของอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์อันเงียบสงบเพื่อมองหาป่าชายเลน, ทุ่งหญ้า Sawgrass, ดอกกล้วยไม้, และจระเข้ อาบแดดบนหาดทรายหรือจะพายเรือคายัก หรือขี่จักรยานชมที่อยู่ของสัตว์ก็ได้
อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์คือธรรมชาติแบบกึ่งเขตร้อน และเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติบนแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาอีกด้วย ขับรถไปจากตะวันออกไปตะวันตกตามทาง Tamiami Trail ตามพรมแดนทางเหนือของอุทยาน ผ่านบริเวณป่าที่มีน้ำท่วมขัง
คุณสามารถเดินทางทางบกหรือทางน้ำภายในอุทยานเพื่อชมสัตว์เลื้อยคลาน 50 สายพันธุ์และนกอีก 360 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ เดินตามทางเดินไม้สายสั้นๆ ของ Anhinga Trail และชมนกที่มีชื่อเดียวกันนี้ที่มีคอเหมือนงู นก Anhinga จะดำน้ำลงไปเป็นเวลานานและแทงเหยื่อด้วยจงอยปาก
มุ่งหน้าต่อไปทางตะวันตกสู่หุบเขา Shark Valley เบื้องหลังของชื่ออันโดดเด่นนี้คือเส้นทางยาว 24 กิโลเมตรที่จะพาคุณไปใกล้ชิดกับสภาพแวดล้อมของป่าทึบและลำธารเล็กๆ ดูนกกระสาและนกกระยางจับปลาในน้ำตื้นๆ ลองมองหาจระเข้อัลลิเกเตอร์สีน้ำตาลและจระเข้สีเขียวอมเทาที่แอบซุ่มอยู่บนผิวน้ำ อุทยานแห่งนี้คือพื้นที่ไม่กี่แห่งในโลกที่สัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ด้วยกันได้ มองหาหลุมและรังของจระเข้อัลลิเกเตอร์
จากนั้น มุ่งหน้าไปยัง Gulf Coast เพื่อแวะที่หมู่เกาะ Ten Thousand หมู่เกาะเล็กๆ เหล่านี้ ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งของเมืองเอเวอร์เกลดส์บนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยาน สำรวจทางน้ำตื้นสีฟ้าอมเขียวด้วยการพายเรือคายัก และไปที่ชายหาดว่างๆ อันเงียบสงบ ขอตารางน้ำขึ้นน้ำลงและวางแผนการพายเรือเล่นให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงกระแสน้ำเชี่ยว หรือโขดหินหอยนางรม
อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์นั้นกินพื้นที่ทางใต้สุดของรัฐฟลอริดา เข้าอุทยานได้จากทางเข้าหลักของเมืองฟลอริดาบนฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอุทยาน หรือจากทางเข้าอื่นๆ ใกล้กับไมอามี่และ Gulf Coast ก็ได้ มีค่าบัตรผ่านประตูด้วย แต่บัตรนี้สามารถใช้เข้ามาเที่ยวได้ 7 วัน แวะเมืองเล็กอื่นๆ ที่อยู่บนพรมแดนทางตะวันออกและตะวันตกของอุทยานเพื่อลองชิมอาหารและหาที่พัก
ระบบอุทยานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกานั้นมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมายในพื้นที่ต่างๆ ที่ราคาไม่แพง สำรวจอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ไม่ใช่แค่พื้นที่ลุ่มน้ำอันน่าทึ่ง แต่ยังเป็นแหล่งมรดกโลกและพื้นที่สงวนทางชีวมณฑลนานาชาติอีกด้วย