ชื่นชมสถานที่สำคัญอันมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม และสัมผัสกับมนตร์เสน่ห์ทางจิตวิญญาณของมัสยิดจามา มัสยิดที่งดงามแห่งนี้เป็นประทีปแห่งความสงบท่ามกลางย่านการค้าที่คึกคักของอัห์มดาบาด มัสยิดแห่งนี้ได้รับการดำริให้ก่อสร้างโดยสุลต่าน อาห์เหม็ด ซาห์ โดยแสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบอินโดอิสลาม และก่อสร้างโดยใช้วัสดุจากวัดที่ถูกทำลาย มัสยิดจามาสร้างขึ้นในปี 1423 และใช้เวลาในการก่อสร้าง 13 ปี
เมื่อเดินเข้าสู่มัสยิดผ่านหลังคาโค้งส่วนกลางที่ตั้งตระหง่านก็จะพบกับลานหินอ่อนที่สะอาดบริสุทธิ์ ชมสระบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใจกลางลาน เมื่อเดินผ่านทางเดินหลังคาโค้ง จะพบกับงานสลักในแบบอาหรับและฮินดู เมื่อมองเข้าไปในหอสวดมนต์หลัก จะพบกับเสารองรับ 260 ต้นที่ได้รับการตกแต่งโดยไม่เหมือนกันเลย ใช้เวลาชมงานศิลปะทางศาสนาบนเสาแต่ละต้น เมื่อแหงนมองจะพบกับหลังคาโดม 15 แห่ง ซึ่งยอมให้แสงธรรมชาติ แต่ไม่ใช่แสงแดดโดยตรง เข้าสู่หอสวดมนต์
ทีภายนอกทางเข้าทิศตะวันออกของสุเหร่า คือสุสานของสุลต่าน อาห์เหม็ด ซาห์ ซึ่งประกอบด้วยสุสานของสุลต่าน รวมถึงพระราชโอรส มุฮัมมัด ซาห์ และพระราชนัดดา อาห์เหม็ด ซาห์ ที่ 2 ซึ่งล้วนเป็นผู้ปกครองรัฐคุชราตในอดีต
นั่งที่ริมขอบลานและชื่นชมกับความงดงามของสุเหร่า ผู้มาสักการะบูชาจะล้างมือและใบหน้าที่สระน้ำก่อนสวดมนต์ ส่วนผู้หญิงจะไปที่ห้องสวดมนต์สำหรับผู้หญิงเท่านั้น ชมความน่าอัศจรรย์ของกลุ่มผู้เลื่อมใสจำนวนมากที่ต่างมาสักการะบูชาด้วยความเงียบสงบ หากมาเยี่ยมชมในยามพลบค่ำ ไฟอ่อน ๆ จะส่องสว่างลานอย่างงดงาม
มัสยิดตั้งอยู่ใจกลางศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของอัห์มดาบาด จากสุเหร่า สามารถเดินเท้าเป็นระยะทางสั้น ๆ ไปยังสถานที่น่าสนใจที่สำคัญหลายแห่งของเมือง เช่น ตลาดอาหาร มานัค เคาค์ และประตูสมัยศตวรรษที่ 15 ตีน ทรวาชา นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถยนต์สามล้อและรถแท็กซี่เพื่อเดินทางมาที่สุเหร่าแห่งนี้ได้จากส่วนอื่น ๆ ของเมือง
มัสยิดจามาเปิดให้เข้าชมทุกวัน มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม และสามารถถ่ายรูปได้ สถานที่นี้มีผู้คนมาสักการะบูชาอยู่เสมอ ดังนั้น โปรดแต่งกายให้เหมาะสม ห้ามสวมกางเกงขาสั้นหรือชุดกระโปรงสั้น ควรถอดรองเท้าก่อนเข้า และวางไว้ที่บริเวณทางเข้า หอสวดมนต์หลักสามารถเข้าได้โดยผู้ชายเท่านั้น