เดินเล่นเรียบชายฝั่งบนทางเดินที่งามราวกับภาพวาด เดินผ่านท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือจอดเทียบท่า และชมความงามของปราสาทที่สร้างในยุคกลาง ในอดีต พื้นที่ชายฝั่งแห่งนี่คือประตูทางเข้าสู่ประเทศอิตาลีสำหรับทิศตะวันออก สิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์หลายแห่งยังคงมีอยู่ให้เห็นในทุกวันนี้ การเดินเล่นริมชายฝั่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองโอตรันโต
แนะนำให้เริ่มเดินจากทิศใต้สุดของชายฝั่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่มีเรือหลากหลายชนิดจอดเทียบท่า เดินทอดน่องอย่างช้าๆ ไปชมเรือประมงที่กลับเข้าฝั่งพร้อมปลาที่จับมาได้ หรือเรือใบหรูๆ ที่เตรียมแล่นไปเพื่อชมพระอาทิตย์ตก หากมีเวลา ลองจองตั่วเพื่อล่องเรือออกไปยังทะเล ทริปสั้นๆ โดยส่วนใหญ่จะรวมการดำน่ำ และทริปไปยังถ้ำหินชายฝั่งโอตรันโต
หรือจะเดินเลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ และชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มาพร้อมวิวทิวทัศน์ที่สะกดสายตา สถานที่น่าสนใจแห่งแรกคือปราสาทโอตรันโต (Castello Aragonese) ปราสาทที่โด่งดังไปทั่วจากนิยายโกธิคโดยโฮเรซ วัลโปล ศึกษาประวัติศาสตร์ของป้อมปราสาท และเรียนรู้ว่าทำไมป้อมปราการนี้คือด่านแรกที่รับศึกที่โจมตีฝั่งตะวันออกของอิตาลี
เดินเข้าไปยังย่านเมืองเก่าตามกำแพงหินสีสดใสของ Porta d’Oriente ซึ่งเป็นประตูแห่งตะวันออก (the Gate of the East) ประดับด้วยรูปปั้นของเหล่าวีรบุรุษและผู้พลีชีพในศาสนา เรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของผู้พลีชีพในศาสนาที่ยอมอุทิศชีวิตในช่วง Sack of Otranto ในปี 1480 ที่มหาวิหารโอตรันโต (Otranto Cathedral) ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการตกแต่งด้วยพื้นภาพโมเสกในศตวรรษที่ 12
พักสายตาจากการชมสถานที่น่าสนใจและเรื่องราวประวัติศาสตร์ด้วยวิวมหาสมุทรก็สร้างความผ่อนคลายได้ไม่น้อย มีม้านั่งที่จัดเรียงรอบทางเดินเท้าเลียบชายฝั่งทางด้านหน้าของเมืองเก่า หามุมส่วนตัวบนหนึ่งในชายหาดหลายแห่งของเมืองเพื่ออาบแดด และดูเรือที่แล่นออกจากท่า
เมื่อยามเย็นมาถึง มองหาร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย มีร้านที่จัดที่นั่งริมระเบียงบนผาที่ให้วิวอันตระการตาของมหาสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนและอาหารอิตาเลียนชั้นเลิศ
คุณสามารถเดินเที่ยวชมโอตรันโต วอเตอร์ฟร้อนท์ได้โดยง่าย การเดินทางมายังโอตรันโต สามารถเดินทางโดยรถไฟจาก Maglie ซึ่งเชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ ที่เหลือของจังหวัด Lecce เมื่อมาถึงสามารถเดินชมเมืองเก่าและท่าเรือได้โดยรอบ