ไม่ใช่ประเด็นที่ว่าหินพลิมัธ คือจุดของการขึ้นฝั่งที่แท้จริงของพวกพิลกริมส์ที่ทำให้จุดนี้กลายเป็นสถานที่พิเศษหรือไม่ และนั่นยังเป็นประเด็นที่มีการโต้เถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ สำหรับ Alexis De Tocqueville นักคิดทางการเมืองชาวฝรั่งเศส Cole Porter ผู้ประพันธ์เพลงชาวอเมริกัน และนักเรียนประถมศึกษาอเมริกันทุกหนแห่ง หินพลิมัธ ยังคงเป็นสิ่งเตือนความจำถึงสาเหตุที่ทำให้พวกพิลกริมส์ต้องแสวงหาเสรีภาพในโลกใหม่ สังเกตถึงลักษณะที่เรียบง่ายแต่กลับมีความสำคัญที่โดดเด่น ปัจจุบัน หนึ่งในสามถึงครึ่งหนึ่งของขนาดดั้งเดิม การดำรงอยู่ที่น่าอัศจรรย์ของหินก้อนนี้ แสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของอเมริกาเอง
เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของหินที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้ ในปี 1741 เมื่อมีการร่างแผนที่จะสร้างท่าเรือบนแนวชายฝั่งพลิมัธ Thomas Faunce วัย 94 ปี ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยในพลิมัธรายหนึ่งต้องการที่จะไปเยี่ยมชมท่าเรือก่อนที่การก่อสร้างจะเริ่มขึ้น เขากล่าวว่า บิดาของเขาได้เผยให้เขาได้เห็นหินก้อนหนึ่งซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แท้จริงที่แสดงว่าเป็นจุดที่พวกพิลกริมส์ได้ขึ้นฝั่ง เขาได้ถูกนำไปยังสถานที่แห่งนั้นโดยการนั่งบนเก้าอี้ และได้ร้องไห้คร่ำครวญที่หินก้อนใหญ่นั้นที่เรากันเรียกว่า "หินพลิมัธ" ในปัจจุบัน
จากคำอุทิศที่หินก้อนนั้น หินพลิมัธได้ยืนหยัดผ่านการพิจารณาและตัดสินอย่างเข้มข้น ในปี 1774 หินพลิมัธได้ถูกทำให้แตกออกเป็นสองส่วน ขณะพยายามที่จะย้ายหินจากท่าเรือไปยังสถานที่ชุมนุมในเมือง ในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งเหล่านี้ก่อนที่จะเกิดสงครามปฏิวัติ หลายคนได้ตีความการแยกของหินในครั้งนี้ว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าชาวอเมริกันควรที่จะ "แยก" ออกจากอังกฤษ ตัวเลข “1620” ที่สลักอยู่บนหินซึ่งหมายถึงปีที่พวกพิลกริมส์ได้ขึ้นฝั่ง ได้ถูกสลักไว้เมื่อหินทั้งสองก้อนได้ถูกนำมารวมกันใหม่ในปี 1880
ในหลากหลายช่วงเวลา มีเรื่องราวต่างๆ ที่เปลี่ยนไปที่ได้เกิดขึ้นกับหินก้อนนี้ เรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดที่ให้ความเพลิดเพลินจากไกด์ซึ่งจะยืนอยู่ข้างหินตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงวันขอบคุณพระเจ้า และจะคอยตอบคำถามต่างๆ ชมหินขณะที่คุณเดินไปตามท่าเรือพลิมัธ ทางใต้ของเรือเมย์ฟลาวเวอร์ II ลักษณะสไตล์โรมันที่ชัดเจนทำให้เป็นการยากที่จะมองข้ามไป
ชิ้นส่วนของหินพลิมัธได้รับการเก็บรักษาไว้ด้วยความเคารพจากทั่วทั้งอเมริกา การได้ชมหินดั้งเดิมนั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยาก รู้จักอเมริกาไม่ใช่จากประวัติการก่อตั้งประเทศเท่านั้น แต่ควรสัมผัสจากวิถีที่ชาวอเมริกันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เป็นจุดกำเนิดของประเทศชาติในอดีต