อุทยานแห่งชาติ West Coast ในลังกีบานเป็นหนึ่งในแนวธรรมชาติหลากสีสันและมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ และมีเนื้อที่ถึง 275,000,000 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทางทิศเหนือของเวสเทิร์นเคป ลองสัมผัสประสบการณ์ในการท่องซาฟารีด้วยตนเองในอุทยานเพื่อชมดอกไม้ตามฤดูกาล และเพลิดเพลินกับการปิกนิกท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของเขตสงวนธรรมชาติที่น่าทึ่งแห่งนี้
ขับรถไปรอบๆ ถนนของอุทยานเพื่อชมสัตว์ป่ากำลังกินอาหารและเล่นกันอย่างสนุกสนานในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกมัน ชมละมั่งหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ West Coast ได้แก่ Red hartebeest, Cape grysbok และ Eland และหากนักท่องเที่ยวคนไหนโชคดีอาจได้พบกับสัตว์พันธุ์หายากอย่างคาราแคล (Caracal) ซึ่งเป็นแมวป่าขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการกระโดดอันยอดเยี่ยม
ออกเดินท่องไปตาม Eve’s Trail ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่ตัดผ่านอุทยานเป็นระยะทางราว 30 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินประมาณ 2.5 วัน เส้นทางนี้ตั้งชื่อตามรอยเท้าของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบในบริเวณริมทะเลสาบน้ำเค็มลังกีบาน
ออกสำรวจส่วนของอุทยานที่มีชื่อว่า Postberg ซึ่งคุณจะได้พบกับพืชพรรณต่างๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุด ชมความงดงามของพุ่มเฟนโบสหลากสีสันซึ่งเป็นพุ่มไม้พื้นเมืองของเวสเทิร์นเคป จากนั้น ไปดูทุ่งต่างๆ ที่กำลังแข่งกันโชว์สีสันสวยงามละลานตาในช่วงฤดูท่องเที่ยวชมดอกไม้
พื้นที่บางส่วนของทะเลสาบน้ำเค็มลังกีบานสามารถเชื่อมต่อไปถึงอุทยานแห่งชาติ West Coast ได้ คุณจึงมีโอกาสได้ชมนกฟลามิงโกสีชมพูกำลังเดินเยื้องย่างในเขตน้ำตื้น หรือทดลองเล่นกีฬาเสี่ยงอันตรายอย่างเช่นเรือใบหรือเจ็ตสกีในพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบ
นั่งรอที่ Geelbek hide เพื่อเฝ้าดูนกอพยพย้ายถิ่นไปรวมตัวกันที่บริเวณเขตอนุรักษ์ของอุทยาน ทั้งนกน็อท นกคอสั้นตีนไว นก Curlew และนกกระยางเป็นเพียงจำนวนหนึ่งจากหลากหลายสายพันธุ์ที่คุณอาจได้เห็นบริเวณรอบทะเลสาบ
เดินสำรวจไปตามส่วนของอุทยานที่มีชื่อว่า Tsaarsbank ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบเพื่อชมทิวทัศน์ของมหาสมุทร แวะหยุดและเฝ้าดูคลื่นลมทะเลเพื่อมองหาฝูงโลมาปากขวดและวาฬเซาเทิร์นไรท์ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเล
อุทยานแห่งชาติ West Coast ตั้งอยู่ห่างจาก เคปทาวน์เปิดในหน้าต่างใหม่ ไปทางตอนเหนือราว 100 กิโลเมตร และอยู่ทางตอนใต้ของเมืองลังกีบาน อุทยานเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี แต่ในส่วน Postberg เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกเฟนโบสกำลังบานสะพรั่งเท่านั้น