โดย Expedia Team, 28 September 2018

ชวนไปสัมผัสวิถีชีวิตที่เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย

ใครว่าประเทศอินเดียมีดีแค่ทัชมาฮาล? ความจริงแล้วประเทศอินเดียมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลายรอคอยให้เพื่อนๆ ไปเที่ยวกันอยู่ วันนี้เอ็กซ์พีเดียจะขอพาเพื่อนๆ บินลัดฟ้าไปเที่ยวอินเดียกันที่ชัยปุระ (Jaipur) หรือนครสีชมพู (Pink City) อันโด่งดังนั่นเอง ชัยปุระเป็นเมืองหลักของรัฐราชสถาน นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองยอดฮิตสำหรับการท่องเที่ยวอินเดียเพราะค่อนข้างเป็นเมืองสมัยใหม่ ผังเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามจำนวนมาก หากได้เห็นแต่ละที่จะต้องอ้าปากค้างตะลึงในความอลังการอย่างแน่นอน นอกจากนี้หากใครชอบการถ่ายรูป รับรองว่าชัยปุระ ประเทศอินเดียคือปลายทางในฝันของคุณ เพราะสีสันของเมืองคุมโทนสีชมพู แถมคนประเทศอินเดียยังชอบถ่ายรูปมากๆ รับรองได้รูปสวยกลับบ้านอย่างแน่นอน

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวชัยปุระคือช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมีนาคม อากาศค่อนข้างดี ตอนกลางวันไม่ร้อนมาก เหมาะสำหรับการออกไปเที่ยวชมเมือง ส่วนกลางคืนอากาศค่อนข้างหนาว อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆ ไปกันด้วยนะ

การเดินทางไปชัยปุระ สามารถนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงยังท่าอากาศยานนานาชาติชัยปุระ (Jaipur International Airport) ได้เลย จากนั้นช่องทางการเดินทางภายในเมืองแบบประหยัดก็จะมีรถประจำทางทั้งซิตี้บัส (City Bus) รถประจำทางด่วนพิเศษ BRTS (Bus Rapid Transit Service) และรถไฟใต้ดินชัยปุระ เมโทร (Jaipur Metro) ให้เพื่อนๆ เลือกเดินทางกันได้ แต่เราขอแนะนำว่าให้เช่ารถพร้อมคนขับ ซึ่งราคาต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 4,500 INR – 7,000 INR ขึ้นอยู่กับลักษณะรถ ราคาเหล่านี้มักจะรวมค่าน้ำมัน ค่าอาหาร และที่พักของคนขับเรียบร้อยแล้ว ไปกันหลายคนรับรองว่ายิ่งคุ้มค่า อย่างที่เรารู้กันดีกว่าการเดินทางภายในประเทศอินเดียนั้นค่อนข้างลำบาก การจราจรค่อนข้างแน่นและระบบขนส่งไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าประเทศท่องเที่ยวอื่นๆ ฉะนั้นการเช่ารถพร้อมคนขับจะทำให้เพื่อนๆ สามารถเที่ยวชัยปุระได้แบบสบายยิ่งขึ้น

ชวนไปสัมผัสวิถีชีวิตที่เมืองชัยปุระ


1

ฮาวา มาฮาล พระราชวังสายลม (Hawa Mahal)

1.Hawa-Mahal-1

1.Hawa-Mahal-2
1.Hawa-Mahal-3
ภาพจาก : iStockPhoto

ฮาวา มาฮาล หรือพระราชวังสายลม สถานที่ท่องเที่ยวคุ้นตาของใครหลายคน เพราะนอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คของชัยปุระแล้วยังเป็นอีกแลนด์มาร์คอันโด่งดังของการท่องเที่ยวอินเดีย ไม่ว่าใครก็ตามไปที่เที่ยวอินเดียก็ต้องมาชมความงดงามของฮาวา มาฮาลแห่งนี้ให้ได้ ฮาวา มาฮาลเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังหลวง (City Palace) สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1799 มีความสูงกว่า 15 เมตร ก่อสร้างด้วยด้วยหินทรายสีชมพู ตัวอาคารจึงเป็นสีชมพูสวยงามสมกับเป็นแลนด์มาร์คของชัยปุระ นครสีชมพูจริงๆ ตัวอาคารนั้นมีฉลุช่องลมเพื่อให้ลมพัดผ่าน จึงเป็นที่มาของชื่อพระราชวังแห่งสายลม บริเวณนี้สร้างเพื่อให้นางในวังในอดีตได้มองเห็นวิถีชีวิตและกิจกรรมภายนอกวัง สถาปัตยกรรมนั้นเป็นสไตล์ราชปุต สร้างเลียนแบบรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์ เมื่อดูจากภายนอกจะมีลักษณะคล้ายรังผึ้งขนาดใหญ่ ได้รับการออกแบบอย่างละเอียดพิถีพิพันเป็นอย่างมาก

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

2

พระราชวังหลวง ซิตี้ พาเลซ (City Palace)

2.City-Palace-1

2.City-Palace-2
2.City-Palace-3
ภาพจาก : iStockPhoto

ดูส่วนหลังของวังที่ฮาวา มาฮาลกันไปแล้ว ลองมาดูภายในพระราชวังหลวง หรือ ซิตี้ พาเลซ (City Palace) กันบ้าง พระราชวังหลวงสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 สถาปัตยกรรมเป็นแบบสไตล์ราชปุตฮินดูและโมกุลอิสลาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์ชัยปุระ ปัจจุบันสมาชิกในราชวงศ์ก็ยังคงอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ภายในมีส่วนที่เพื่อนๆ สามารถเข้าชมกันได้ จุดเด่นอยู่ที่ตัวอาคารสีชมพูสวยงาม และจิตรกรรมฝาผนังสุดอลังการ ใครที่ชอบชมงานแกะสลัก งานตกแต่งด้วยแก้วสีสันต่างๆ จะต้องเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้แน่นอน

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

3

จันทาร์ มานทาร์ (Jantar Mantar)

3.Jantar-Mantar-1

3.Jantar-Mantar-2
3.Jantar-Mantar-3
ภาพจาก : iStockPhoto

จันทาร์ มานทาร์ เป็นหอดูดาวยุคโบราณ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังหลวง ได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้านดาราศาสตร์ของโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1727 โดยมหาราชาไสวจัย ซิงห์ที่ 2 มหาราชาแห่งประเทศอินเดียผู้มีความสนใจในด้านดาราศาสตร์ ภายในบริเวณจันทาร์ มานทาร์มีอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์อยู่หลากหลายชนิด แต่ชิ้นที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ สัมรัต ยันตรา หอนาฬิกาแดด ซึ่งสามารถวัดเวลาได้อย่างแม่นยำ และในปี 2010 ที่ผ่านมา จันทาร์ มานทาร์ก็ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย เพราะฉะนั้นต้องไปเที่ยวให้ได้เลย

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

4

พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท (Amber Fort)

4.Amber-Fort-1

4.Amber-Fort-2
4.Amber-Fort-3
ภาพจาก : iStockPhoto

เที่ยวต่อกันที่พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท พระราชวังที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนหน้าผาริมทะเลสาบเมาตา (Maota) ตั้งอยู่นอกตัวเมืองชัยปุระ นี่เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมสไตล์ราชปุตและสถาปัตยกรรมโมกุล ภายในเพื่อนๆ สามารถชมความสวยงามของพระตำหนักต่างๆ รวมถึงสวนจาร์บาค (Charbagh) สวนสวยในพระราชวังด้วย อีกหนึ่งจุดที่ทำให้พระราชวังแห่งนี้น่าสนใจก็คือการเดินทางขึ้นพระราชวัง ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเลือกได้ว่าอยากจะนั่งรถหรืออยากจะขี่ช้างขึ้นไป ขอแนะนำว่าถ้าอยากเข้าถึงวิถีชีวิตของคนประเทศอินเดียอย่างเต็มที่ก็ต้องนั่งช้างนี่แหละ ช้างนั้นก็จะใส่เสื้อผ้าสวยงาม ได้ขึ้นไปนั่งแล้วก็รู้สึกประหนึ่งเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายแห่งประเทศอินเดียเลย

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

4

จาล มาฮาล (Jal Mahal)

5.Jal-Mahal-1

5.Jal-Mahal-2
5.Jal-Mahal-3
ภาพจาก : iStockPhoto

จาล มาฮาล (Jal Mahal) พระราชวังสายน้ำแห่งชัยปุระแห่งนี้เรียกได้ว่าอยู่กลางสายน้ำจริงๆ เพราะตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) เป็นพระราชวังตากอากาศของสมาชิกในราชวงศ์ นอกจากจะมีน้ำล้อมรอบแล้วยังมีเบื้องหลังเป็นเทือกเขาอะระวัลลี (Aravalli Range) รับลมชมวิวกันได้ทั้งวัน และเนื่องจากพระราชวังตั้งอยู่กลางน้ำ ในช่วงฤดูที่น้ำขึ้น ชั้น 1 – 4 ของวังจึงจะจมอยู่ใต้น้ำ มีเพียงแค่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำให้เราได้ชม เพื่อนๆ ไม่สามารถเข้าไปชมข้างในบริเวณพระราชวังได้ สามารถดูได้จากไกลๆ เท่านั้น แต่เห็นเพียงแค่เท่านี้ก็รู้สึกได้ถึงความสวยงามอย่างมากแล้วจริงๆ

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

6

ป้อมนราห์การห์ (Nahargarh Fort)

6.Naharagarh-Fort-1

6.Naharagarh-Fort-2
6.Naharagarh-Fort-3
ภาพจาก : iStockPhoto

ป้อมนราห์การห์ หรือที่เรียกกันอีกชื่อง่ายๆ ว่าป้อมไทเกอร์ (Tiger Fort) เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาอะระวัลลี (Aravalli Range) ที่ช่วยปกป้องเมือง สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1734 ปัจจุบันนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมตัวอาคารและพระตำหนักภายในป้อมซึ่งมีการออกแบบสวยงาม นอกจากนั้นด้วยความที่ป้อมนราห์การห์ตั้งอยู่บนแนวเขา ทำให้สามารถมองลงมาเห็นวิวเมืองได้ ฉะนั้นนอกจากการชมตัวอาคารแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถแวะไปชมวิวเมืองชัยปุระได้จากป้อมแห่งนี้ นับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองชัยปุระ

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

7

ตลาดพื้นเมืองชัยปุระ ตลาดโจฮารี บาซาร์ (Johari Bazaar)
และตลาดทริโปเลีย บาร์ซาร์ (Tripolia Bazaar)

7.Johari-Bazaar-1

7.Johari-Bazaar-2
7.Johari-Bazaar-3
ภาพจาก : iStockPhoto

สำหรับที่สุดท้ายเราจะพาเพื่อนๆ ไปชมวิถีชีวิตของคนประเทศอินเดียแบบใกล้ชิด ซึ่งสถานที่นั้นคงหนีไม่พ้นตลาดนั่นเอง ตลาดในชัยปุระมีอยู่หลายแห่ง ที่ที่เราอยากแนะนำได้แก่ ตลาดโจฮารี บาซาร์ (Johari Bazaar) ซึ่งขายอัญมณีและเครื่องประดับหลากหลาย เครื่องประดับต้องซื้อให้ได้เมื่อมาถึงชัยปุระก็คือ คุนดัน (Kundan) เครื่องประดับฝังอัญมณี และเครื่องประดับลงยาที่เรียกว่ามีนาคารี (Meenakari) หลังจากนั้นเราก็จะเดินไปเที่ยวกันต่อที่ตลาดทริโปเลีย บาร์ซาร์ (Tripolia Bazaar) ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงยังตลาดที่เป็นดั่งศูนย์กลางของสินค้าหัตถกรรมของประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นผ้าลายต่างๆ สำหรับการทำเสื้อผ้าหรือผ้าม่านก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ในราคาไม่แพง แถมการไปเดินเที่ยวในตลาดยังจะทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มาจับจ่ายใช้สอยกันได้อีกด้วยนะ

ค่าบริการ
เวลาเปิดบริการ
การเดินทาง
พักที่ไหนดี?

[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-ชัยปุระ’ deals=’packages,hotels,flights’]