โดย Expedia Team, 1 October 2018

คุณกุ้ง ผู้ชนะแคมเปญ Dream Destination พาเที่ยวตุรกี

แคมเปญ Expedia Dream Destination เที่ยวให้ฟินกับทริปในฝัน เปิดโอกาสให้เหล่าเพื่อนๆ นักเดินทางได้ลุ้นไปเที่ยวตามปลายทางในดวงใจ เพียงเขียนเล่าว่า “ทริปในฝัน” ของคุณคือการไปที่ไหน และทำไมใจถึงบอกว่าต้องเป็นที่นี่

คลิกเพื่อติดตามเรื่องราวของผู้โชคดีคนอื่นๆ

“ตุรกี ดินแดนสองทวีป เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย และมีเมืองอิสตันบูลเชื่อมทั้ง 2 ทวีปเข้าไว้ด้วยกัน ตุรกีเป็นประเทศมีตำนาน ประวัติศาสตร์ และร่องรอยอารยธรรมโบราณมากมาย รวมทั้งสถานที่ตื่นตาตื่นใจตามธรรมชาติ ที่สำคัญคนไทยเราสามารถเที่ยวได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ”

สวัสดีค่ะ จากที่กุ้งเคยแจ้งข่าวดีกับลูกเพจไปว่า กุ้งร่วมตอบคำถามทริปในฝันพร้อมเหตุผลกับทาง official Line account @Expedia.co.th ไป และตุรกีคือ 1 ในแพลนทริปที่กุ้งส่งไป ซึ่ง กรี๊ดดด กุ้งได้รางวัลที่ 1 มาค่ะ ทาง Expedia ถูกใจในคำตอบกุ้ง เลยทำให้กุ้งได้รับ Expedia voucher มูลค่า 150,000 บาท ซึ่งทริปกุ้งก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วด้วยความแฮปปี้ วันนี้กุ้งเลยจะมารีวิวทริปตุรกีของกุ้งให้ชมกันค่ะ และอยากบอกว่าประเทศนี้มีอะไรอีกเยอะมาก ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ฯลฯ เรียกได้ว่าไปครั้งเดียวไม่พอจริงๆ

ขอเกริ่นก่อนว่า ปกติกุ้งจองตั๋วเครื่องบินกับที่พักผ่านทาง Expedia อยู่แล้ว นอกจากจะจองง่าย ไว้ใจได้ แถมได้สะสมแต้มอีกด้วย แต่สารภาพว่ากุ้งก็เพิ่งรู้ว่า นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว Expedia ยังมีทัวร์ รถเช่า และกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วย เรียกได้ว่าครบวงจร one stop service กันเลยทีเดียวค่ะ … ว่าแล้วมาดูกันเลยนะคะ ว่าทริปนี้ กุ้งจองอะไรผ่าน Expedia.co.th บ้าง รางวัลมูลค่า 150,000 บาท กุ้งใช้หมดมั้ย และมาดูกันว่าตุรกีน่าเที่ยวแค่ไหน

เตรียมตัวเดินทาง

ทริปนี้กุ้งเดินทางทั้งหมด 3 คนคือกุ้ง คุณสา และน้องสาวค่ะ เลือกเดินทางช่วงวันหยุดยาวของไทย 2-11 ธันวาคม 2560 และกลับถึงไทย 12 ธันวาคม 2561 ค่ะ (แต่รีวิวออกช้าไปนิด เพราะอย่างที่เห็นเนาะว่ากุ้งเดินทางตลอด และที่สำคัญรีวิวนี้กุ้งตั้งใจเขียนมากค่ะ ไม่ขอทำลวกๆ แบบขอแค่ให้เสร็จๆ ก็จบ)
สำหรับสิ่งที่กุ้งจองผ่าน Expedia.co.th นั้น เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบจะหมดทุกอย่างแล้ว งบ 150,000 บาทที่กุ้งได้มา หลังจากหัก ณ ที่จ่าย 3% เหลือ 145,500 บาท กุ้งขอสรุปให้ดูง่ายๆ ดังนี้เลยนะคะ
ค่าตั๋วเครื่องบิน Etihad ราคาคนละ 19,150 บาท x 3 คน = 57,450 บาท

◆ โรงแรมคืนแรกที่เมือง Izmir : TAV Airport Hotel Izmir, เมือง Izmir ราคา 2,676.54 บาท

◆ โรงแรมคืนที่ 2 ที่แถวเมืองโบราณ Ephesus : Livia Hotel ราคา 2,620.91 บาท

◆ โรงแรมคืนที่ 3 ที่ Pamukkale : Venus Suite Hotel ราคา 1,397.49 บาท

◆ โรงแรมคืนที่ 4-6 ที่ Cappadocia : Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel ราคา 13,759.77 บาท

◆ โรงแรมคืนที่ 7-9 ที่ Istanbul : World Heritage Hotel ราคา 7,366.05 บาท

◆ ค่ารถเช่า รวม 7 วัน = 15,433.49 บาท (เช่าไปต่างเมือง เลยราคาสูงซักหน่อย)

◆ ค่าขึ้นบอลลูนที่ Cappadocia = ราคา 20,100.54 บาท

◆ ค่าทัวร์ที่ Cappadocia + ชมเมืองใต้ดิน (Green Tour) = 5,884.38 บาท

◆ ค่า Turkish Bath (ไปตุรกีแล้วไม่ไป Turkish Bath ก็เหมือนมาไม่ถึง) = 5,911.92 บาท

◆ ค่าล่องเรือยอร์ชชมช่องแคบบอสฟอรัส = 9,400.68 บาท

◆ ค่ารถรับ-ส่งสนามบิน และโรงแรมที่อิสตันบูล (2 ขา) = 1,959.50 บาท และ 1,182.76 บาทค่ะ

สรุปทั้งหมด กุ้งใช้ไป 145,144.03 เรียกได้ว่าทริปนี้จัดเต็มมาก เที่ยวอย่างราชา ราคามิตรภาพ (555)

วิธีการจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอพพลิเคชั่น Expedia

Note
สาเหตุที่เลือก Etihad เพราะราคาช่วงที่จองไม่แพง และเวลาไฟลท์ลงตัวกับกุ้งที่สุดค่ะ

สำหรับที่กุ้งเดินทางมาหลายประเทศ ค่าที่พักในตุรกีถือว่าไม่แพงเลย แถมได้ห้องที่ดีด้วย (ราคาที่กุ้งเลือก ถือว่ากลางๆ ซึ่งถ้าใครจะเซฟเงิน สามารถหาที่พักราคาถูกกว่ากุ้งพักได้เยอะเลยค่ะ แต่กุ้งเลือกที่รู้สึกสมเหตุสมกับกุ้งที่สุด และก่อนตัดสินใจ กุ้งอ่านรีวิวใน Expedia ควบคู่ก่อนด้วยเสมอ)

เนื่องจากงบกุ้งเหลือ กุ้งจึงจัดบริการรถรับส่งมาด้วย ซึ่งตรงนี้สามารถใช้รถสาธารณะได้ ก็จะประหยัดไปอีก / และถ้าตัดโปรแกรมล่องเรือยอร์ชไปเป็นแค่เรือปกติ ราคาก็จะถูกลงไปอีกมากกกเลยค่ะ แต่งบกุ้งยังมี กุ้งก็ใช้ให้เต็มโควต้าอะเนาะ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ มีค่าตั๋วบินในประเทศ 2 ขา (รวม 3 เที่ยว – เพราะอะไร รออ่านกันน้า) ค่าเข้าชมสถานที่ ค่าน้ำมันรถและค่าทางด่วน ค่ารถสาธารณะ ค่ากิน ค่าช็อปปิ้ง อันนี้ก็จ่ายเองเพิ่มไปจ้า ((ค่าตั๋วในประเทศ เค้าไม่แพงเลยนะ ยิ่งเมื่อเทียบกับค่าตั๋วเดินทางในประเทศไทย เรียกได้ว่าถูกเลยละกัน))

ว่าแล้วตามกุ้งมาเที่ยวด้วยกันเลยนะคะ เพื่อการอ่านแบบเข้าใจง่ายและเที่ยวตามง่ายๆ กุ้งจะเรียงลำดับให้เป็นวันๆ ค่ะ

วันที่ 1 : เสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2560

ออกเดินทางด้วยสายการบิน Etihad จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไฟลท์เวลา 01.55 น. สะดวกสบายพอสมควร มีไปเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี 1 แวบ ก่อนไปถึงสนามบินอิสตันบูล (Istanbul Ataturk Airport) ตอน 13.10 น.

ไปถึงสนามบิน รับกระเป๋าออกมา เปลี่ยนเทอร์มินัล เพื่อบินต่อภายในประเทศ จากอิสตันบูลไปอิซเมียร์ (Izmir) เพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทาง เพราะแพลนเที่ยวเราคือจัดเต็มกันเลย

กุ้งจองสายการบินเพื่อบินในประเทศไว้ คือสายการบิน Onur Air เวลา 17.20 – 18.25 น. (จ่ายเงินเอง 3 คน 63 ยูโรค่ะ) เนื่องจากเวลาลงตัว

จริงๆ มีไฟลท์ที่เร็วกว่านี้ แต่คือกุ้งเผื่อเวลาไฟลท์ดีเลย์ + ซื้อบัตร istanbulkart ด้วย (เพราะวันที่เรากลับมาอิสตันบูลอีกครั้ง เราจองรถลีมูซีนไว้ ส่งตรงถึงโรงแรมเลยกลัวจะไม่ทันได้ซื้อ/ และเราเลือกซื้อบัตร istanbulkart แค่ 1 ใบค่ะ เพราะ 1 ใบสามารถใช้ได้หลายคน แค่เติมเงินให้พอ และแป๊ะใช้ต่อๆ กันได้ – เช็คจำนวนคนอีกทีนึงนะ) อีกทั้งจะหาที่แลกเงินลีร่าที่สนามบินด้วย (ตุรกีใช้หน่วยเงินลีร่า ซึ่งร้านที่ไทยมีให้แลกไม่เยอะมาก กุ้งแลกมาได้บางส่วนที่ไทยค่ะ และที่เหลือแลกเป็น € และ US$ เพื่อมาแลกเป็นลีร่าที่ตุรกีค่ะ) เรทที่แลกมาจากร้านที่ไทย อยู่ที่ 1 ลีร่า = 10 บาท แต่มาแลกที่ไปรษณีย์ที่สนามบิน (ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิดที่ไปรษณีย์ ตกอยู่ประมาณ 8 บาทกว่าๆ ช็อปปิ้งสนุกเลย)

Dream Destination Turkey Day 1 - Izmir - TAV Airport Hotel Izmir 1

ไปถึงอิซเมียร์ เข้านอนโรงแรม TAV Airport Hotel Izmir ซึ่งอยู่ในเขตสนามบินเลยค่ะ สะดวกสบายมากๆ เนื่องจากพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเริ่มต้นทริปตามแพลน และเราจองรถเช่าไว้ซึ่งรับได้ที่สนามบินค่ะ

Dream Destination Turkey Day 1 - Izmir - TAV Airport Hotel Izmir 2
Dream Destination Turkey Day 1 - Izmir - TAV Airport Hotel Izmir 3

โรงแรม TAV Airport Hotel Izmir

กว่าจะเข้าโรงแรม ใจจริงเกือบสลบแล้วค่ะ อยากนอนมาก แต่ความอยากเที่ยวมีมากกว่า เพราะเราจะอยู่เมืองนี้แค่คืนนี้คืนเดียว เลยขอออกมาชมตัวเมืองซักหน่อย ก็เลยแพลนเที่ยวกันสดๆ ร้อนๆ ตอนนั้นเลย โดยการถามทางจากพนักงานโรงแรมเอา (ตอนแรกคิดว่าเข้าโรงแรมจะนอน เลยไม่ได้แพลนเที่ยวมาล่วงหน้าค่ะ)

Dream Destination Turkey Day 1 - Izmir

นั่งรถไฟไปเที่ยวในตัวเมือง รถไฟสะดวกสบายมาก ขึ้นจากหน้าสนามบินได้เลย ตัวเมืองติดทะเล อากาศดี ลมเย็นสบาย ย่านนั้นก็เป็นย่านช้อปปิ้งและร้านอาหาร แต่ท่าทางนักท่องเที่ยวจะน้อยค่ะ เพราะเดินไปไหนก็เจอคนมองตลอด 555 (ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะแทบไม่เจอคนเอเชียเลย)

Dream Destination Turkey - Izmir - Kirlance 2

มีโอกาสกินหอยแมลงภู่ยัดไส้ด้วยข้าว (ซึ่งเป็นอาหารของตุรกีที่กุ้งอ่านเจอมาและอยากลอง) เป็นครั้งแรก ซึ่งอร่อยง่า หลังจากนั้นโหยหาอยากกินตลอดทริป

กลับโรงแรม หลับสนิท คร็อกฟี้ๆ

Dream Destination Turkey Day 1 - Mussel rice

วันที่ 2 : อาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2560

ตื่นแต่เช้า อาบน้ำอาบท่า ทานข้าวเช้าที่โรงแรม และเดินไปรับรถที่สนามบินค่ะ

ซื้อประกันรถเพิ่มแบบ excess fee เพื่อความสบายใจในการเดินทาง

มุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเล ที่ชื่อ Alacati (ขับรถอ้อมไปนิด แต่ดูรูปแล้วชอบเมืองนี้อะค่ะ เลยยอมมา ถึงแม้จะต้องขับรถกลับตามทางเดิม และทำให้ต้องตัดเมือง Troy อีกเมืองที่อยากไปทิ้ง)

Dream Destination Turkey Day 2 - Alacati 1

ขับรถมาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเมือง Alacati ค่ะ ถึงแม้ร้านรวงจะปิดมากกว่าเปิด (อาจเพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว) แต่ก็ยังสัมผัสความน่ารักของเมืองนี้ได้ บ้านและร้านสวยๆ มากมาย กุ้งลัดเลาะไปตามทาง เก็บภาพหลายๆ มุมจนถึงแก่เวลา ก็มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมายถัดไป เมืองโบราณ Ephesus ค่ะ

(เดิมที แพลนตอนแรก กุ้งตั้งใจว่าจะแวะเที่ยวเมือง Cesme และเดินเล่นในเมือง Selcuk ก่อนเข้าเมืองโบราณ Ephesus ในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่เพราะเรามีโปรแกรมวันนึงที่จะต้องขับรถยาว 8 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ถึงโรงแรมดึกมาก จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนแพลน ยอมตัดบางอย่างทิ้ง เพื่อภาพรวมที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด และไม่เที่ยวแบบชะโงกทัวร์เกินไป ดื่มด่ำกับแต่ละที่ให้นานๆ ค่ะ)

Dream Destination Turkey Day 2 - Alacati 2

ขับรถจาก Alacati มาเมืองโบราณ Ephesus ราวชั่วโมงครึ่งค่ะ

Ephesus อยู่ที่เมือง Selcuk อดีตคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของอาณาจักรโรมัน เคยเป็นเมืองหลวงของเอเชียไมเนอร์ และเป็นเมืองท่าสำคัญอีกด้วย ซึ่งถือเป็น 1 ในไฮไลท์ทริปสำหรับการมาตุรกี ปัจจุบันที่ขุดพบแค่ราว 20% ของอาณาจักรจริงเท่านั้น ซึ่งทุกๆ ปีก็จะมีการขุดได้เพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ที่ Ephesus มีทางเข้า 2 ทางนะคะ คือ Upper gate และ Lower gate ซึ่งถ้าเราขับรถมาจอดที่ทางเข้าใด เวลากลับ เราต้องกลับทางที่เราเข้านะคะ (จึงต้องเดินย้อนทางเดิมอีกรอบ) หรือไม่ก็ใช้บริการรถแท็กซี่ที่มายืนดักอยู่ทั่วเพื่ออาสาเราไปส่งอีกประตูก็ได้ค่ะ ตอนแรกเราก็ลังเลเพราะไม่อยากเดินย้อนทางเดิม แต่พอเจอบรรดาแท็กซี่กรูเข้ามา ดูไม่น่าไว้วางใจ ก็เลยปฏิเสธไปค่ะ

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus 1

เราซื้อ museum pass ของตุรกีที่ทางเข้า Ephesus ค่ะ ราคา 185 ลีร่า เพราะจากแพลนที่เราวางไว้ ที่เที่ยวหลายๆ ที่ใช้มิวเซียมพาสอันนี้ได้ ซึ่งรวมๆ แล้ว เราจะประหยัดกว่าซื้อเป็นครั้งๆ ค่ะ (ซึ่งพอเที่ยวจนจบทริป ก็คุ้มค่าบัตรจริงๆ)

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus 3
Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus 2

เราเดินตามทางหลักไปเรื่อยๆ มีไฮไลท์ที่เราต้องการชมเป็นพิเศษ คือ Great Theatre อดีตโรงละครสำคัญ ที่จุคนได้ถึง 25,000 คน brothel หรือสำนักนางโลม Latrines สุขาสาธารณะ ซึ่งเป็นส้วมโบราณซ่อนในซากอาคาร Curetes way ทางเดินหินอ่อนสุดยิ่งใหญ่ Temple of Hadrian ที่มีรูปสลักเมดูซ่าที่โค้งประตู และเหนือสิ่งอื่นใด Library of Celsus หอสมุดสุดอลังการ อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณนี้ ซึ่งยังมีโครงสร้างตึกด้านหน้าที่ค่อนข้างสมบูรณ์

เราได้เก็บภาพที่นี่ 2 รอบ คือตอนเดินขาไปและขากลับ (เพราะต้องกลับมาเอารถที่ทางเดิม) ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะตอนขาไป ฝูงชนที่นี่เยอะมาก ทัวร์ก็เยอะ จนหามุมถ่ายรูปไม่ค่อยได้ แต่พอขากลับก็เป็นเวลาราว 17.25 น. (ช่วงพ.ย.- มี.ค. ที่นี่ปิด 18.00 น.) เรียกได้ว่าแทบไม่มีคนเลยค่ะ แถมวันนั้นฟ้าก็สวยเป็นใจมาก ถ่ายรูปตรงนี้กับแบบเป็นร้อยแอ๊คเลย 555

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus Curetes way
Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus latrines

เสร็จแล้วเราก็รีบเดินกลับค่ะ เพราะใกล้เวลาปิดเต็มทีแล้ว ระหว่างถ่ายภาพเก็บตกที่ Great Theatre อีกรอบ เพราะยังเห็นมีคนประปรายอยู่ ก็เจอเจ้าหน้าที่คอยมาเดินเก็บตกแล้วค่ะ เรียกได้ว่าอยู่กันจุใจมาก อยู่ในนี้ถึง 4 ชั่วโมงเต็มเลย ซึ่งในฐานะคนชอบประวัติศาสตร์และโบราณสถานอย่างกุ้ง ขอบอกว่าฟินมากค่ะ

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus Temple of Hadrian

Tips : ที่ Ephesus มีห้องน้ำอยู่ตรงแค่ทางเข้า เพราะฉะนั้นทำธุระให้เรียบร้อยก่อนเดิน และด้านในทางเดินค่อนข้างยาว และพื้นไม่เรียบ แนะนำให้พกขวดน้ำไปด้วย และใส่รองเท้าใส่สบายค่ะ

มื้อเย็น เราตั้งใจจะแวะทานร้าน Selcin & Firuze ตามที่หนังสือ Lonely Planet แนะนำ แต่ปรากฏว่าร้านปิด ก็เลยเดินวนๆ แถวนั้น จนได้ร้านที่ดูต้องตาต้องใจมากที่สุด นั่นคือร้าน Okumuslar ซึ่งขายพิซซ่าแบบตุรกี พอทานแล้วขอบอกว่าเป็นร้านนึงในทริปที่ชอบนะคะ เพราะอาหารรสชาติดี แถมราคาไม่แพงอีกด้วย กินกันแบบอิ่มจุกเลย

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus - Livia Hotel 1

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus - Livia Hotel 2
Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus - Livia Hotel 3

คืนนี้เราเข้านอนที่ Livia Hotel ค่ะ เป็นโรงแรมที่ประทับใจทั้งในตัวห้องพักและการบริการเลย ใครจะไปนอนเมือง Selcuk หรือ Ephesus แนะนำนอนที่นี่เลยค่ะ โรงแรมเล็กๆ แต่ห้องพักสวยน่ารักเก๋ๆ และบริการประทับใจมากๆ (เค้าอัพเกรดห้องพักให้กุ้งด้วยค่ะ)

โรงแรม Livia Hotel

วันที่ 3 : จันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560

เมื่อคืนหลับสบายมากค่ะ พอตื่นเช้ามา อาบน้ำทำธุระเสร็จก็มาทานอาหารเช้า

อาหารเช้า เค้าจัดเป็นเซ็ตเฉพาะให้ค่ะ คือเมื่อเรามานั่ง เค้าก็จะเสิร์ฟๆๆ ซึ่งมาแบบเซ็ตอย่างใหญ่ ทุกอย่างเป็นโฮมเมดแม้กระทั่งขนมปังและแยม เป็นมื้อเช้าที่เริ่มปรับตัวเข้ากับอาหารแบบตุรกีอย่างแท้จริง

Dream Destination Turkey Day 2 - Ephesus - Livia Hotel 4

บ๊ายบาย Livia Hotel ไปด้วยความประทับใจ และมุ่งหน้าสู่ที่เที่ยวถัดไป Pamukkale ค่ะ

Pamukkale เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของตุรกี และอยู่ในเมือง Denizli ซึ่ง Pamukkale ในภาษาตุรกีแปลว่าปราสาทปุยฝ้าย ที่นี่เป็นภูเขาน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่มาก มีแอ่งน้ำชั้นๆ เป็นริ้วลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เนื่องจากการทำปฏิกิริยาของหินปูน ทำให้เกิดสิ่งสวยงามตามธรรมชาติที่แปลกตาโดดเด่น

Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale 2
Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale 5

ใจจริงกุ้งก็เกือบตัดที่นี่ทิ้งแล้วค่ะ เพราะว่าเคยไปภูเขาหินปูนคล้ายๆ กันแบบนี้มาแล้วที่หวงหลง ประเทศจีน ประกอบกับอ่านเจอในรีวิวมากมายว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีน้ำแล้วจึงจะไม่สวยเหมือนเก่า พอดูรูปตอนแห้งๆ แล้วก็พบว่าไม่โดนใจเท่าไหร่เลย … แต่หลังจากเที่ยวเสร็จ ขอบอกว่าถ้าไม่มาที่นี่ ถือว่าพลาดแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่สวยอลังการมากจริงๆ

ที่ Pamukkale นี้ มีทางเข้า 3 ทางค่ะ ก่อนจะไปเราก็ทำการบ้านอยู่พอสมควรว่าควรไปทางไหนดี แต่ในที่สุดเราก็เลือกที่จะเข้าทางประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ หรือ north gate ค่ะ

ประตูทางเข้านี้เหมาะสำหรับคนมีรถนะคะ เพราะจะเป็นการขับรถขึ้นไปด้านบน และเที่ยวชมโดยการเดินลงมาเรื่อยๆ (ซึ่งยังไงก็ต้องเดินกลับอยู่ดี เพราะรถเราจอดที่เดิม) แต่ข้อดีคือเราจะได้ชมเมืองโบราณอีกที่ที่อยู่ด้านใน นั่นก็คือเมือง Hierapolis ค่ะ

Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale 1

อ่านรีวิวมา หลายคนบอกว่าถ้าไป Ephesus มาแล้ว Hierapolis จะไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่ใน Lonely Planet บอกไว้ว่าทางเดินที่มีพุ่มไม้ ต้นไม้ ตลอดจนดอกไม้ต่างๆ ทำให้ Hierapolis ดูอ่อนโยนกว่า Ephesus ซึ่งกุ้งพบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราเดินชมเมืองเก่านี้อย่างเพลิน จนทำให้ช่วงหลังต้องเร่งก้าวเท้า เพราะกลัวจะมีเวลาให้ตรงส่วนภูเขาหินปูนอันสวยงามน้อยเกินไป

น้ำบางส่วนใน Pamukkale แห้งจริงๆ แต่กระนั้นก็ยังมีมุมสวยสวยให้ถ่ายรูปมากมาย และมีมุมที่มีน้ำสีฟ้าใส ลดหลั่นเป็นแอ่งๆ น้อยใหญ่ไล่ลำดับสลับลงมาจากบนภูเขา เราก็บอกได้เพียงว่า ถ้าไม่มาเห็นกับตา เราคงเสียใจจริงๆ

นักท่องเที่ยวที่นี่เยอะมากก ยิ่งตรงส่วนที่มีน้ำแทบจะหามุมถ่ายรูปแบบไม่ติดคนไม่ได้เลยค่ะ แต่นับเป็นโชคดีของพวกเราที่มาเที่ยวกันเอง ทำให้เวลาค่อนข้างยืดหยุ่น เราจึงอยู่ได้เต็มที่จนทัวร์ที่จอแจกลับไป เลยทำให้เก็บภาพที่สวยงามของปราสาทปุยฝ้ายได้เต็มที่ และอยู่จนพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสวยงามมากและคนน้อยมากค่ะ

Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale 4
Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale 3

Note : 1. สำหรับการเที่ยวบริเวณที่มีน้ำนี้ ไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าค่ะ และไม่มีที่ฝากรองเท้าด้วย ส่วนใหญ่ก็จะต้องถือเดินกันไป ซึ่งกุ้งเตรียมถุงพลาสติกไว้ใส่รองเท้าไปด้วยค่ะ และเก็บถุงรองเท้าในกระเป๋า เราจะได้ไม่ต้องถือไปด้วยให้ติดในรูป / 2. พื้นที่บางส่วนจะค่อนข้างลื่น ต้องเดินอย่างระมัดระวัง ยิ่งช่วงคนเยอะและพื้นที่แคบยิ่งต้องระวังค่ะ เพราะอีกด้านของภูเขาก็เหวดีๆ นี่เองอะนะ รวมทั้งพื้นบางบริเวณจะแข็งและคม เจ็บฝ่าเท้ามากๆๆ / 3. ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกถึงช่วงตก อุณหภูมิน้ำลดลงอย่างมาก เรียกได้ว่าเดินแช่น้ำถ่ายรูป เท้าชากันเลยทีเดียวค่ะ/ 4. เตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดเท้าด้วยก่อนใส่รองเท้าก็ดีค่ะ

กุ้งอยู่ในนี้ประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่งค่ะ จนถึงพระอาทิตย์ตก ซึ่งพอพระอาทิตย์ตกแล้วก็มืดไวมาก ขาทางเดินกลับไปเอารถจึงค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกันเพราะแทบไม่มีไฟเลย (ต้องใช้ไฟ iPhone ช่วยส่องทาง) และคนก็น้อยด้วยค่ะ

Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale - Venus Suite Hotel

มื้อค่ำคืนนี้ เราทานอาหารที่โรงแรม Venus Suite Hotel ซึ่งเป็นที่พักของเราค่ะ เพราะ Lonely planet แนะนำว่าร้านอาหารในเมืองนี้อาหารไม่ค่อยโดดเด่น แถมราคาสูงเกินความเป็นจริง ให้คุณทานอาหารที่ที่คุณพักดีกว่า

ทานเห็ดสอดไส้ชีส ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองตุรกีที่นี่เป็นครั้งแรก อร่อยเลยค่ะ ติดใจมาจนถึงตอนนี้

Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale - Venus Suite Hotel 2
Dream Destination Turkey Day 3 - Pamukkale - Venus Suite Hotel 4

คืนนี้รีบนอนค่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล

โรงแรม Venus Suite Hotel

วันที่ 4 : อังคารที่ 5 ธันวาคม 2560

วันนี้เราตื่นแต่เช้า ทานข้าวเช้าที่โรงแรม ที่โรงแรมมีอาหารเช้าให้เลือกทานเยอะเลยค่ะ (เยอะสุดในทุกโรงแรมที่กุ้งพักในทริปนี้เลยก็ว่าได้) ห้องนอนสามเตียง + อาหารเช้าจัดเต็ม + ทำเลก็ดี (เดินไปทางเข้าปามุคคาเล่แค่ราว 5 นาที) ในราคาแค่พันกว่าบาท …ใครมาเที่ยวเมืองนี้ จองโรงแรมนี้ผ่าน Expedia ได้เลยนะคะ

โปรแกรมเราวันนี้ไม่มีเที่ยวค่ะ เพราะว่าเราจะขับรถยาวจาก Pamukkale ไปยัง Cappadocia (เช็คแล้ว ไม่มีไฟลท์บินระหว่าง 2 เมืองนี้ค่ะ)

Cappadocia (แคปปาโดเกีย) ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ที่เป็นเส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรม เชื่อมยาวมาตั้งแต่ประเทศจีน มีภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตามากมายจากการระเบิดของภูเขาไฟและทับถมเป็นทัศนียภาพงดงามเกินบรรยาย

Dream Destination Turkey Day 4-6 - Cappadocia - Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel 5

เราใช้เวลาขับประมาณ 8 ชั่วโมง ระหว่างทางฝนตกเป็นระยะๆ และอากาศก็หนาวขึ้น ในที่สุดก็มาถึงที่พักของเรา 3 คืนนี้ที่เมือง Goreme ค่ะ (1 ในเมืองรอบๆ Cappadocia) กุ้งเลือกจองที่พักแบบที่เป็นถ้ำ (เพราะเป็นเอกลักษณ์ของแถบนี้) ชื่อที่พักเราคือ Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel เป็นห้องกว้างมาก มีห้องนั่งเล่นและห้องนอนแยกกันเป็นสัดส่วน ห้องน้ำก็สวยงาม มีอ่างอาบน้ำด้วย เรียกได้ว่าหรูหราสมกับที่ตั้งใจเลือกมาเลยค่ะ แถมทำเลก็ดี อยู่ใจกลางเมืองเลย รวมทั้งสามารถเห็นบอลลูนจากระเบียงโรงแรมได้ด้วยค่ะ

Dream Destination Turkey Day 4-6 - Cappadocia - Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel 1
Dream Destination Turkey Day 4-6 - Cappadocia - Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel 3

โรงแรม Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel

มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องในตัวเมือง Goreme ค่ะ จากที่พักเราเดินไปแป๊บเดียวก็ตัวเมืองแล้ว

อาหารขึ้นชื่อแถบนี้คือ Pottery Kebap ซึ่งเราเลือกร้าน Kebapzade ที่มีเตาเผาอันนี้โชว์หน้าร้านเลย แต่หลังจากที่ทานไป รู้สึกอร่อยไม่สมราคา

ทานเสร็จแล้วก็ไปช็อปปิ้งซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ในเมือง แวะซื้อน้ำซื้อขนมมาทาน และซุปเปอร์ที่นี่มีไอติม Viennetta ของโปรดกุ้งด้วย ก็เลยจัดไปสิคะ

อ้อ! ลืมบอกไป ข่าวร้ายวันนี้คือบอลลูนที่เราจองไว้ถูกยกเลิกเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี แต่ไม่เป็นไรค่ะ กุ้งเผื่อเวลาที่นี่ไว้สำหรับขึ้นบอลลูน 2 วันแล้ว ก็คิดในใจว่าพอมีลุ้นอีกวันให้ได้ขึ้น (เพราะอ่านรีวิวมา คนไม่ได้ขึ้นก็เยอะ เพราะเค้าต้องดูอากาศ ดูลมอะไรด้วย) และทัวร์บอลลูนเค้าก็เลื่อนให้ค่ะ (แต่ถ้าเราจะยกเลิกก็สามารถทำได้ เค้าจะคืนเงินกลับมาให้ Expedia นะคะ)

แต่ระหว่างนั้นก็แอบคิดแผนสำรองไว้เหมือนกันค่ะ ว่าถ้าเช้าวันที่ 2 แล้วยังขึ้นไม่ได้เราจะตัดสินใจอย่างไรดี เพราะว่าวันที่ 3 เราจะไม่สามารถขึ้นบอลลูนได้ เนื่องจากเรามีจองไฟลท์กลับอิสตันบูลตอน 8.50 น. และสนามบินอยู่คนละเมือง ต้องขับรถไปและต้องไปทำเรื่องคืนรถด้วย (ตอนจองตั๋วเครื่องบินก็รู้อยู่แล้วค่ะ แต่ที่แพลนแบบนี้เพราะว่าที่เที่ยวในอิสตันบูลก็เยอะเหลือเกินค่ะ เราก็อยากจะเก็บให้ครบมากที่สุด)

Dream Destination Turkey Day 4-6 - Cappadocia - Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel 2
Dream Destination Turkey Day 4-6 - Cappadocia - Cappadocia Cave Suites Boutique Hotel 4

และเนื่องจากไม่ต้องขึ้นบอลลูนพรุ่งนี้ ก็ไม่ต้องตื่นเช้ามาก คืนนี้กลับที่พัก กุ้งเลยขอแช่อ่างอาบน้ำตีฟองสบายใจละกันค่ะ (โรงแรมมี bubble foam ให้) หลับฝันดีค่ะ อากาศเย็นสบายไปจนหนาว (ที่นี่หนาวกว่าเมืองเมื่อวานกว่า 10 องศา) ดูพยากรณ์อากาศว่าคืนนี้หิมะจะตก ก็คิดว่าดีจัง หิมะตกน่าจะสวยไปอีกแบบ — แต่ไม่ได้รู้เลยว่าเพราะหิมะตกนี่ล่ะที่จะทำให้เกิดอะไรขึ้นในตอนถัดไป

วันที่ 5 : จันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2560

ตื่นมาพร้อมอากาศติดลบ หิมะตกจนเมืองขาวโพลนไปหมดเลยค่ะ สวยดีและหนาวดี

หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็แต่งตัวแบบจัดเต็มเพราะวันนี้เราซื้อทัวร์เอาไว้ เค้าจะมารับเราที่โรงแรม (คอนเฟิร์มเวลารับกันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน) และในโปรแกรมทัวร์เราเป็น outdoor แทบทั้งนั้น แถมมีช่วงเดินไกลด้วย

9.30 น. ทัวร์ก็มารับที่โรงแรมตามเวลานัดค่ะ (ที่นี่มีหลายบริษัททัวร์และหลายโปรแกรมให้เลือก ทัวร์ที่ฮิตๆ ก็จะเป็น Red Tour กับ Green Tour ค่ะ) มารับกุ้งเป็นกรุ๊ปแรก และทยอยรับคนอื่นๆ ตามโรงแรมใกล้เคียงด้วย

Green Tour ของเราประกอบด้วย ทัวร์ชมเมืองใต้ดิน Derinkuyu, volcanic gorge of Ihlara Valley, cave churches, จุดถ่ายรูป, Selime Monastry และอาหารกลางวัน ซึ่งราคานี้รวมค่าเข้าทุกอย่างแล้ว

รถพาแวะชมที่ต่างๆ วันนี้หิมะตกจนขาวโพลนไปหมด มองไม่ค่อยออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็สวยดี บรรยากาศดี และหนาวดี 555

Dream Destination Turkey Day 5 - Derinkuyu 2
Dream Destination Turkey Day 5 - Derinkuyu 3

Dream Destination Turkey Day 5 - Derinkuyu 1

ที่ Cappadocia มีเมืองใต้ดินหลายเมือง ที่ดังๆ คือ Derinkuyu และ Kaymakli แต่เมืองใต้ดิน Derinkuyu จะเป็นเมืองใต้ดินที่ลึกที่สุด และมีการประมาณว่ามีคนอยู่อาศัยถึง 10,000 คนเลยทีเดียว และมีการวางระบบถ่ายเทอากาศที่น่าทึ่งมาก

การไปเที่ยวเมืองใต้ดินควรที่จะมีไกด์นำเที่ยวนะคะ เพราะข้างในใหญ่มาก มีห้องเล็กห้องน้อยเต็มไปหมด และถ้าไม่มีคนนำทาง เราจะเดินสะเปะสะปะ และอาจจะงงในแต่ละส่วนของเมืองว่าอะไรเป็นอะไร

Note : เมืองใต้ดินค่อนข้างแคบและมีบางส่วนที่เตี้ยมากขนาดต้องก้มตัวต่ำๆ เดิน รวมทั้งลึกลงไปจากพื้นดินค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นคนที่กลัวที่แคบหรือคนเป็นโรคหัวใจไม่ควรลงไป และแนะนำให้พกน้ำดื่มลงไปด้วยก็ดีค่ะ

Dream Destination Turkey Day 5 - Kaymakli 2

Dream Destination Turkey Day 5 - Kaymakli 1

ขึ้นมาจากเมืองใต้ดิน ไกด์บอกว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมกันนิดหน่อยนะ เพราะวันนี้หิมะตกหนัก อย่างที่ Ihlara Valley ซึ่งในแพลนเราจะกึ่งๆ hiking ชมธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ไกด์บอกว่าทางเดินตรงนั้นถ้าหิมะตกจะอันตรายมาก อาจจะพาไปเดินแค่บางส่วน เพราะเราต้องไปกินข้าวกลางวันที่นั่น

ระหว่างทางเดินไปทานข้าวกลางวัน หิมะตกหนักเป็นพักๆ และมีลม ซึ่งทำให้หนาวมาก แต่วิวสวยๆ ระหว่างทางก็พอทำให้ลืมความหนาวไปได้

Dream Destination Turkey Day 5 - Ihlara Valley

หลังจากเที่ยวจนครบตามโปรแกรมทัวร์ก็พามาส่งเราที่โรงแรมค่ะ

พอถึงโรงแรม เราเจองานเข้า เพราะเราจะขับรถไปชมพระอาทิตย์ตก แต่รถเราขับไม่ได้!!!

สาเหตุคือ ระหว่างขูดหิมะที่เกาะอยู่ท่วมรถเก่าเราก็ไหวตัวขึ้นมา เลยเช็คยางรถเช่าของเรา ก่อนจะพบว่ายางรถเราเป็น Summer Tires ยางรถสำหรับหน้าร้อน! ไม่ใช่ Winter Tires จึงใช้ขับในถนนที่มีหิมะคลุมแบบนี้ไม่ได้ และที่พักเราอยู่บนเขา ถ้าจะลงไปเมืองคือต้องลงเขาและเป็นทางโค้งด้วย ซึ่งจะอันตรายมาก (ใครจะไปรู้ว่าเช่ารถขับหน้าหนาวเดือนธันวา รถเช่าจะให้ยางรถหน้าร้อนมา for what???)

นึกขึ้นมาได้ ว่ากุ้งมีขอ snow chains มาเพิ่มตอนเช่ารถเลยจะเอามาสวมดู (ตอนแรกรีเควสไปตั้งแต่จองแล้ว พอตอนรับรถเค้าไม่ได้ให้มาด้วยเลยต้องขอเพิ่ม) แต่ด้วยความที่เราไม่เคยลองใช้มาก่อน (ทุกครั้งที่เช่ารถขับหน้าหนาว อย่างตอนไปไอซ์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ คือใช้ winter tires ตลอด ไม่เคยใช้ snow chain เลยค่ะ) จึงเข้าอากู๋เพื่อหาข้อมูล และสอบถามคนทางโรงแรมกับคนพื้นที่แถวนั้น สรุปคือ snow chain ไม่ใช้สำหรับการขับรถในพื้นแบบนี้

ปัญหาเริ่มก่อตัว เพราะแพลนพรุ่งนี้คือเราจะขับรถตามโปรแกรม Red Tour ที่สามารถเที่ยวเองได้ไม่ยาก เพราะที่เที่ยวอยู่ใกล้ๆ กับเมืองที่เราพัก (ไม่เหมือน Green Tour ที่ขับไปไกลกว่า) อ้าว!!! แล้วเราจะไปยังไง

คิดไปไกลกว่านั้นอีก วันถัดไปที่เราต้องคืนรถที่สนามบิน คือไฟลท์เรา 8.50 น. ต้องเผื่อเวลาไปถึงก่อนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะต้องทำเรื่องคืนรถ + เติมน้ำมันอีก และระยะทางใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงนิดๆ นั่นคือ เราต้องออกจากโรงแรมประมาณตีห้ากว่า ยังมืดอยู่แน่ๆ และกับถนนแบบนี้ พื้นลื่นแบบนี้ และทางสลับคดเคี้ยวบนเขาแบบนี้ ยิ่งเพิ่มความน่าอันตรายเข้าไปใหญ่

คิดแล้วเครียด เลยโทรหารถเช่าที่เราจองมา โทรไปที่ต้นทาง นางปัดความรับผิดชอบไปให้ที่ปลายทางที่คืนรถจ้า (อ้าว ก็เช่ารถมา ให้ยางมาผิดฤดูปะ) พอหาเบอร์ปลายทางได้ ปลายทางบอกว่าไม่เกี่ยวจ้า อิชั้นมีแค่หน้าที่รับรถคืน โบ้ยกันไปโบ้ยกันมาเลยคิดว่าคุยต่อไม่มีประโยชน์ ก็ช่างมันแล้วกัน เดี๋ยวพึ่งตัวเองนี่ล่ะ

อ้อ! เราถามรถเช่าเพื่อจะหาจุดอื่นที่จะคืนรถด้วยนะ (เผื่อเมืองนี้มีหรือเมืองใกล้ๆ มี เราจะได้ขับรถไปคืน และนั่งแท็กซี่หรือรถอะไรก็ได้ไปสนามบินแทน) รวมทั้งหาร้านจะเปลี่ยนยางด้วยจ้า แต่ปรากฏใกล้สุดก็คือตรงสนามบินที่เราต้องไปคืนน่ะแหล่ะ และไม่มีร้านเปลี่ยนยาง จบข่าว

ลองเดินตรวจตราถนน เนื่องจากโรงแรมกุ้งอยู่บนเขา ทางขับรถลงเขาอีกฝั่งนึงจะชันน้อยกว่าอีกฝั่งหนึ่ง และทางที่ชันน้อยกว่านี้ ห่างไปนิดนึงจะเป็นทางเข้าอีกโรงแรม ถ้ารถเกิดลื่น เรายังมีตรงนี้ที่จะเป็นลานกว้างพอควร และมีที่กันเราอยู่ ไม่ใช่ตกเขาหรือแหกโค้งเลย เราก็เลยจะลองขับดูนิดๆ เพื่อจะได้ประเมินสถานการณ์ถูก เราเลือกจุดที่ดูแล้วพื้นไม่ใช่หิมะละลาย เพราะจะยิ่งลื่น (note : ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะ เพราะมันอันตราย แต่เราไปกัน 3 คน และมีคนพื้นที่ จึงประเมินความปลอดภัยก่อนทำแล้วค่ะ) สรุปไม่รอดจ้า ขับไปแค่นิดเดียว พื้นลื่นจริงๆ

คิดแผนสำรองในใจหลายแผนมาก เราไม่ได้อยู่ในประเทศที่เราคุ้นเคย + คนส่วนใหญ่ไม่ได้สื่อสารภาษาอังกฤษได้ … ส่วนเรื่องเที่ยวพรุ่งนี้ไม่หวังแล้วค่ะ คงจะซื้อทัวร์เอาน่ะแหล่ะ แต่ไอ้วันคืนรถนี่สิยังไงดี

และข่าวร้ายที่ 2 ก็มาถึงอีกครั้ง คือบอลลูนวันพรุ่งนี้ไม่สามารถออกได้ เนื่องด้วยสภาพอากาศ เราเลยมีเรื่องให้ต้องมาตัดสินใจกันอีกเรื่องค่ะ เราตัดสินใจจะดูพยากรณ์พรุ่งนี้กันอีกทีว่าจะยังไง จะวัดดวงเปลี่ยนไฟลท์มั้ย เพราะเราอยากนั่งบอลลูนชมวิวที่นี่ที่ทุกคนว่าเป็น Must-do

มื้อค่ำวันนี้ทานร้านอาหารจีนร้าน Peking Chinese Restaurant เพราะรู้สึกเครียดจนอยากหาอะไรรสชาติคุ้นเคยกิน การทานข้าวสวยร้อนๆ บวกกับข้าวที่ถูกปากถือเป็นการคลายเครียดได้ดี ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนร้านเดียวในเมือง Goreme ร้านนี้ราคาสูงพอควรเหมือนกัน แต่ถือว่ารสชาติดี

อ้อ! เราเจอร้านขายของที่ระลึกที่ตัวเมือง Goreme ซึ่งร้านเป็นตึกแถว 2 ห้อง ข้างหน้าร้านมีแปะกระดาษเป็นคำชมจากหลายๆ ประเทศว่าร้านนี้ถูกและดีอะไรประมาณนี้ ข้างในร้านวางของสะเปะสะปะ คนขายเป็นคุณลุงแก่ๆ เราพบว่าร้านนี้ราคาถูกที่สุดในทุกร้านขายของที่ระลึกที่เราแวะมาเลยค่ะ แนะนำๆ

ระหว่างนั้น เราเจอแท็กซี่ที่มาจอดรอรับคนแถวร้านอาหารจีน เลยไปสอบถามว่าถ้าจะจ้างเค้าขับเที่ยวพรุ่งนี้ สถานที่เที่ยวดังนี้ๆ (ตามเส้นทาง Red Tour) ราคาเท่าไหร่ (และถามเค้า + สังเกตยางรถเค้าไปด้วย – เอาจริงวันนั้น เดินมองยางรถทุกคันที่เห็นขับบนถนนกันเลย 555)

ตอนแรกเราไม่ได้กะจะไปแท็กซี่ คือแค่ลองเช็คราคาดูเพื่อจะลองไปเทียบกับซื้อทัวร์ และยังไม่ไว้ใจแท็กซี่มาก แต่เท่าที่คุยกับคุณลุงแท็กซี่ จากเซนส์ (ที่ไม่ค่อยมี) เราว่าแกก็ดูโอเคดีนะ เลยอยากอุดหนุนแก

พอถึงที่พัก เราก็คุยกันและตัดสินใจคอนเฟิร์มว่าจะไปกับลุงแท็กซี่ เนื่องจากหลังคุยกับลุงเสร็จ เดินผ่านเอเจนซี่ เลยลองถามราคาเทียบดู (ราคาก็พอๆ กับที่เรารู้มา – ราคาเอเจนซี่ที่นี่น่าจะใกล้ๆ กันหมด) เราก็เลยตัดสินใจไปกับลุง เพราะราคาที่ลุงคิดเหมา ไป 3 คนนั้นถูกกว่าซื้อทัวร์ และได้เที่ยวได้ละที่ตามที่เราต้องการมากกว่าด้วย

แต่กระนั้นเราก็ยังไม่ไว้ใจแท็กซี่มาก เลยลองหาข้อมูลจาก Lonely Planet ก่อน ซึ่งบอกไว้ว่าแท็กซี่ที่นี่ไว้ใจได้ไม่มีปัญหา เราก็เลยสบายใจและวางใจที่จะจอง จึง whatsapp ไปบอกลุง (ไม่กล้าโทร เพราะเห็นว่าดึกแล้ว) ลุงไม่ได้ตอบมา เราเลยคิดว่าแกอาจหลับแล้ว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะรีบโทรหาลุงก่อนอาบน้ำกินข้าวเลย แต่ถ้าเกิดลุงไม่ว่างก็คิดว่าไม่เป็นไร แท็กซี่เจ้าอื่นน่าจะหาไม่ยาก

*** ที่เขียนบรรยายตรงนี้ละเอียด เพราะว่าอยากให้เป็นไอเดียเผื่อท่านใดเจอสถานการณ์ใกล้เคียงกัน จะได้รู้ว่าเราคิดแผนสำรองในใจว่าอย่างไรบ้าง เผื่อจะเป็นทางลัดให้แต่ละคนยามเกิดปัญหาได้ค่ะ

วันที่ 6 : วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2560

พอตื่นมาก็รีบโทรหาคุณลุงแท็กซี่ แล้วนัดเวลามารับที่โรงแรม

วันนี้เราไปเที่ยวหลายที่ โดยการแนะนำจากลุงโชเฟอร์และจากที่เราอ่านรีวิวมา

อากาศหนาวติดลบ โดยรอบยังปกคลุมไปด้วยหิมะ กลายเป็นเมืองสีขาวแต่สวยมากๆๆ

Dream Destination Turkey Day 6 - Cappadocia museum

สถานที่เที่ยววันนี้ไฮไลท์ได้แก่ Goreme Open-Air Museum ที่ใหญ่พอสมควร

นอกจากนั้นก็มีหมู่บ้านที่ชาวกรีกโบราณเคยอาศัย (จำชื่อไม่ได้) และมีอีกหลายที่สวยๆ เช่น Monks Valley คุณลุงดูชำนาญทางดี และชวนเราคุยตลอดเวลา โดยรวมวันนี้เราถือว่าเราประทับใจคุณลุงนะ คุณลุงอยู่ให้เกินเวลาที่ตกลงกับเราด้วย

ถ้าใครจะไปเที่ยวแถวย่านนี้ อะไรอยากได้แท็กซี่พาเที่ยว ลองจดเบอร์คุณลุงไว้แล้วกันนะ คุณลุงชื่อ Abdullah OZER เบอร์ 05392312181 อีเมล์ goremeiabdullah@hotmail.com

เราคุยกับแกถูกคอดี และแกบอกว่าเราเป็นกรุ๊ปคนไทยคนแรกที่แกเคยรับเลยนะ เราก็เลยรับปากกับแกว่าจะมาช่วยบอกต่อ เพราะฉะนั้นใครไปก็อ้างอิงกุ้งหน่อยก็ดีนะคะ แกจะได้ดีใจ 555

กลับถึงที่พักพร้อมกับข่าวดีว่าพรุ่งนี้บอลลูนน่าจะขึ้นได้ + จากการที่ดูพื้นถนน ถือว่ามีนิมิตรหมายที่ดีเพราะว่าหิมะและน้ำแข็งละลายไปค่อนข้างเยอะ เพื่อบอลลูนและเพื่อการขับรถกลับที่ช้ากว่าเวลาเดิม เพื่อให้มีเวลาที่หิมะละลายมากขึ้น เราจะได้ขับสบายใจขึ้น ((เราเช็คอากาศก่อนแล้ว และพบว่าพรุ่งนี้มีแดดออก ซึ่งน่าจะทำให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น))

Dream Destination Turkey Day 6 - Monks Valley 4

Dream Destination Turkey Day 6 - Monks Valley 3
Dream Destination Turkey Day 6 - Monks Valley 2

เราเลยตัดสินใจที่จะเลื่อนไฟลท์กลับไปอิสตันบูล ยอมเที่ยวอิสตันบูลน้อยลงไปครึ่งวัน

เราวุ่นวายกับการหาไฟลท์ใหม่มากๆ เนื่องจากเวลาไฟลท์มีน้อยและไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่นัก

จนในที่สุด เรายกเลิกไฟลท์เดิม ซึ่งจองไว้กับ Pegasus Airlines (จ่ายเพิ่มเอง 61 ยูโร) และจองไฟลท์ใหม่ คือ AnadoluJet (จ่ายเพิ่มเองอีก 3,135.25 บาท) ซึ่งที่บอกว่าวุ่นวาย เพราะที่ Cappadocia มี 2 สนามบิน และที่อิสตันบูลมี 2 สนามบิน และเราพยายามจะเลือกไฟลท์ที่ออกจากสนามบิน Kayseri (เพราะเราต้องไปคืนรถเช่าที่นั่น) และต้องไปลงสนามบิน Sabiha Gokcen ซึ่งเป็นสนามบินฝั่งเอเชียของอิสตันบูล (เพราะเรามีจองรถรับส่งกับทาง Expedia ไว้ – เราเมลไปเลื่อนเวลาแล้ว แต่ถ้าเลื่อนสนามบินอีก นั่นคือเราต้องเมลไปหาอีก กลัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เปลี่ยนเวลาและเปลี่ยนสนามบิน เค้าจะยิ่งสับสน) บลาบลาบลา

และเวลาไฟลท์ก็น่าเกลียดมาก ที่ลงตัวกับเราที่สุดมีอีกแค่ไฟลท์เดียว ซึ่งเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่า ทำให้เราเสียเวลาที่จะเที่ยวอิสตันบูลไปเยอะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอะนะ

นอกจากนี้อีกปัญหาหนึ่งคือ สายการบินเดิมที่เราจองไว้ เราซื้อน้ำหนักเผื่อให้ครอบคลุมกับสัมภาระเราแล้ว (เพราะ Etihad ให้คนละ 23 โล เราเลยเลือกซื้อน้ำหนักของ Pegasus Airlines เผื่อไป คือ 2 คน ซื้อน้ำหนัก 20 กิโล และอีกคนซื้อ 30 กิโลเพื่อให้ cover สัมภาระเรา เพราะคิดว่าระหว่างทริปเราต้องมีช็อปของที่ระลึกเพิ่มแน่นอน และเราก็ช็อปร้านลุงเมื่อวานในตัวเมืองมาเยอะพอควรจริงๆ) ตะตะแต่สายการบิน AnadoluJet มีให้เลือกแค่ 15 กิโลกรัมอย่างเดียว และซื้อเพิ่มไม่ได้ (แง้)

คืนนั้นเลยวุ่นวายมากค่ะ ชั่งน้ำหนักกระเป๋าหยิบเข้าหยิบออกอยู่หลายรอบ เพื่อให้อยู่ใน 15 กิโล แล้วก็ช่วยทุ่นน้ำหนักโดยการใส่เสื้อตัวที่หนาและหนักที่สุดขึ้นเครื่องนะจ๊ะ

เข้านอน พร้อมสวดมนต์ว่าขอให้พรุ่งนี้บอลลูนขึ้นได้จริงๆ (เพราะอ่านรีวิวเจอมาว่า มีหลายคนที่รถมารับไปรอขึ้นบอลลูนแล้วอากาศไม่เอื้ออำนวย ก็ทำให้บินไม่ได้อยู่ดี) และขอให้พื้นถนนกลับเป็นปกติมากที่สุด และเราสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

วันที่ 7 : วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2560

ตื่นเช้ามาวันนี้อุณหภูมิ Feels like -8 องศา เตรียมเสื้อผ้าให้หนาๆ กันนะคะ เพราะเราจะไปขึ้นบอลลูนกัน

รถเพื่อพาเราไปขึ้นบอลลูนมารับที่โรงแรมตั้งแต่เช้ามืด (และตระเวนรับแขกท่านอื่นๆ ในหลายๆ โรงแรมใกล้เคียง เมื่อเต็มคันก็พาไปส่งที่จุดสำหรับเตรียมขึ้นบอลลูน)

ที่จุดนี้เป็นเหมือนออฟฟิศเล็กๆ มีโต๊ะที่วางขนมปัง ชา กาแฟ และพวกของรองท้องเอาไว้ให้ทาน และมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ต้องเข้าให้เรียบร้อยนะ (เพราะเดี๋ยวขึ้นบอลลูนเราจะไม่ได้เข้าอีกยาวเลย)

รถที่ทยอยรับแขกแต่ละโรงแรมก็จะมาส่งที่จุดนี้ (สำหรับคนที่ซื้อบอลลูนเจ้านี้ ถ้าใครซื้อบอลลูนเจ้าอื่น ก็จะมีจุดที่สำหรับเตรียมขึ้นแตกต่างที่กันไป)

Dream Destination Turkey Day 7 - Cappadocia 4

เรารอที่นี่เป็นจุดลุ้นสุดท้ายว่าจะได้ขึ้นบอลลูนมั้ย เพราะทางบริษัทจะเช็คอากาศอีกทีนึงก่อนจะขึ้น ถ้าเกิดอากาศโอเค ก็จะมีรถมารับเราเพื่อไปส่งยังลานขึ้นบอลลูน (แต่ละบริษัทก็แตกต่างกันไป) แต่ถ้าอากาศไม่ดี ก็ต้องกลับโรงแรมอะค่ะ ซึ่งเค้าก็จะคืนเงินให้

โชคดีมากที่อากาศเราดี เย่ๆ ไปขึ้นบอลลูนกันนะคะ

รถขับพาเรามาจุดกว้างๆ ที่มีบอลลูนของบริษัทนี้รออยู่ บอลลูนนอนนิ่งอยู่บนพื้นหิมะขาวๆ อากาศหนาวกว่าตอนอยู่โรงแรม เพราะเป็นลานกว้างที่มีลม

เจ้าหน้าที่กำลังทำให้บอลลูนพอง เรายืนดูด้วยความสนใจ เพราะเป็นขั้นตอนที่ไม่คุ้นตา

Dream Destination Turkey Day 7 - Cappadocia 2

พอบอลลูนพองเต็มตัว เค้าก็จะเรียกเราไปขึ้นกระเช้าโดยใช้วิธีปีนขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ควรใส่กระโปรงสั้นนะคะ

ขึ้นบอลลูนมาเรียบร้อย ลำใหญ่กว้าง สำหรับบอลลูนที่กุ้งจองมานั้นจุแขกได้ 16 คน (ปริมาณคนในบอลลูน เป็นหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ค่าบอลลูนถูกหรือแพงขึ้น เช่นถ้าบอลลูนนี้รับคนเยอะ ราคาเฉลี่ยต่อหัวก็ถูกลง) ซึ่งกุ้งว่าไซส์นี้คือกำลังดีแล้ว

แล้วบอลลูนที่เรายืนอยู่ก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นทีละนิดทีละนิด เผลอแพลบเดียวเราก็ลอยอยู่กลางท้องฟ้าแล้วค่ะ

ทั้งๆ ที่กุ้งเป็นคนกลัวความสูงมาก แต่บอลลูนนี่ไม่น่ากลัวเลยค่ะ (แต่ห้ามก้มมองตรงๆ 555) แถมยิ่งถ้ามองไปไกลๆ สวยมากกกกกกกจริงๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย

Dream Destination Turkey Day 7 - Cappadocia 1

Dream Destination Turkey Day 7 - Cappadocia 3

ก่อนจะมาที่นี่ใครๆ ก็บอกว่าต้องขึ้นบอลลูน มันสวยอย่างนั้น – มันดีอย่างนี้ ซึ่งเอาจริงตอนที่เราได้ยินเราก็ยังไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่เมื่อมาลอยอยู่บนท้องฟ้า เห็นบอลลูนละลานตาทั้งด้านหน้าด้านหลัง (วันนี้บอลลูนเยอะมาก อาจเพราะว่ามันอั้นมาตั้ง 2 วันที่ไม่ได้ออก) ประกอบกับวิวทิวทัศน์สวยงามแปลกตาของ Cappadocia ขอบอกเลยว่าจุดนี้คือ “Must-do” อย่างแท้ทรูค่ะ

บอลลูนลำกุ้งลอยบนฟ้าอยู่ชั่วโมงครึ่ง เรียกได้ว่าจุใจมากแต่ไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เรายังตื่นตาตื่นใจกับวิว + บอลลูนสวยๆ รอบตัวอยู่จนวินาทีที่ต้องลงเลย (ระยะเวลาบนบอลลูนแตกต่างกันไปตามราคาด้วยค่ะ ถ้าลอยชั่วโมงนึงก็จะถูกกว่าชั่วโมงครึ่ง)

ลงบอลลูนมาเค้ามีเสิร์ฟแชมเปญให้ และให้ประกาศนียบัตร (ตรงนี้เค้าจะมีกล่องทิปมาตั้งไว้ด้วย ใครอยากให้ก็ให้ได้นะคะ อย่างกุ้งประทับใจบริการก็เลยให้ไปค่ะ)
จากนั้นรถก็มาส่งเราที่โรงแรม เรากินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็เช็คเอาท์ (ปกติโรงแรมจะเสิร์ฟอาหารเช้าเวลาแมตช์กับที่กลับจากบอลลูนและทัวร์ต่างๆ อยู่แล้วค่ะ จึงไม่ต้องกลัวอดกิน)

เช็คเอาท์แล้วก็รีบขับรถไปสนามบิน Kayseri ค่ะ วันนี้หิมะและน้ำแข็งละลายไปเกือบหมดแล้ว เย่ๆ (หลังจากเราสวดมนต์ขอมา 2 คืน 555) แต่เราไม่รู้ระหว่างทางจะเป็นไง เลยเผื่อเวลาขับเยอะหน่อย (อย่างที่บอกคือต้องทำเรื่องคืนรถ + เติมน้ำมันก่อนด้วย)

เสร็จแล้วเราก็ขึ้นเครื่องกลับอิสตันบูลกันค่ะ

ถึงสนามบิน Sabiha Gokcen (SAW) ซึ่งเป็นสนามบินของอิสตันบูลในฝั่งเอเชีย พอรับกระเป๋าและเข็นออกมา ก็มีรถรับส่งที่เราจองผ่าน expedia.co.th ไว้มารอรับแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่ใส่สูทแต่งตัวเรียบร้อยและสุภาพดีมาก

รถที่มารับเราเป็นรถบีเอ็มซีรีส์ 5 รุ่นใหม่ล่าสุดเลยค่ะ (แถมใหม่ด้วย เพราะเลขไมล์หลักร้อยต้นๆ เอง) เรานั่งสบายมากค่ะ หายเหนื่อยที่วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเลยทีเดียว วันนี้รถค่อนข้างติด ใช้เวลานานกว่าจะถึงโรงแรม

Dream Destination Turkey Day 7-9 - Istanbul - World Heritage Hotel 2
Dream Destination Turkey Day 7-9 - Istanbul - World Heritage Hotel 3

Dream Destination Turkey Day 7-9 - Istanbul - World Heritage Hotel 1

เช็คอินเข้าโรงแรม World Heritage Hotel Istanbul โรงแรมตกแต่งน่ารัก บริการดี และที่สำคัญคือทำเลดีมากกก (นี่คือสาเหตุหลักที่จองที่นี่) คือเดินไปจัตุรัสสุลต่านอาเหม็ดตลอดจนที่เที่ยวไฮไลท์แค่ราว 5 นาที

โรงแรม World Heritage Hotel Istanbul

เก็บของเข้าที่พักเสร็จก็เดินไปหาร้านทานข้าวเย็น ทานเสร็จก็เดินถ่ายรูปหน้า Blue Mosque และ Hagia Sophia ที่เที่ยวที่สำคัญที่สุดของอิสตันบูล ซึ่งตอนกลางคืนเปิดไฟตกแต่งสวยงาม … เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะมาเข้ากันนะ

ป.ล. สำหรับบอลลูน การไม่ได้ขึ้นเป็นเรื่องปกตินะคะ

วันที่ 8 : วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2560

วันนี้เราตื่นแต่เช้า (เพราะโปรแกรมเที่ยวเต็มเอี้ยด เนื่องจากเวลาเราหายไปครึ่งวันแล้วจากการเลื่อนไฟลท์ที่ Cappadocia) พอทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวสถานที่แรก Blue Mosque กันค่ะ เราเดินจากโรงแรมไปแป๊ปเดียวก็ถึง

Blue Mosque (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Sultan Ahmed Mosque) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอิสตันบูล มีแรงบันดาลใจการสร้างมาจากความต้องการเอาชนะหรือสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง และสาเหตุที่เรียกว่ามัสยิดสีฟ้า ก็เนื่องมาจากสีของกระเบื้องด้านในที่มีสีฟ้าสดใสนั่นเอง

ก่อนเข้า เราเดินผ่านชมฮิปโปโดรม (Hippodrome) ที่ในอดีตเคยเป็นสนามแข่งม้าและรถศึก แต่ปัจจุบันมีเสาอยู่แค่ 3 ต้นเป็นสัญลักษณ์ค่ะ

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Blue mosque 1

การเที่ยวใน Blue Mosque สำหรับผู้หญิงต้องคลุมผมทุกคนนะคะ ใครมีผ้าพันคออะไรก็คลุมผมได้เองเลย ถ้าไม่มี เค้าก็มีให้ยืมค่ะ และสำหรับผู้หญิงห้ามใส่กระโปรงสั้นและกางเกทุกประเภทค่ะ ส่วนผู้ชายห้ามใส่กางเกงขาสั้นค่ะ แต่หากใส่ไปไม่เป็นไร เค้ามีผ้าพันไว้ให้ยืมเช่นกัน (ไม่เสียค่าใช้จ่าย คืนได้ที่ทางออกเลย) ก็สวมทับและคลุมผมกันก่อนเข้าด้านในนะคะ

ก่อนเข้าด้านในมัสยิดต้องถอดรองเท้าด้วยค่ะ แต่เขาก็จะมีถุงพลาสติกไว้ให้ พอเราถอดเสร็จแล้วก็หิ้วถุงรองเท้าเข้าไปด้านในได้เลย

สถานที่ด้านในกว้างและสูง ดูสง่างาม พื้นปูด้วยพรมทั่วๆ มีกลิ่นอับเล็กน้อย


ใช้เวลาชมไม่นาน และคนยังไม่เยอะ (อาจเพราะเรามาตั้งแต่เช้า) ก็ทะลุออกมา (เดินตรงอย่างเดียว) อีกด้านก็เป็น Hagia Sophia แล้วค่ะ เดินแค่นิดเดียวเท่านั้น

หยุดถ่ายรูปตรงบริเวณนี้สักนิดนะคะ ณ ลานบริเวณนี้จะสามารถเก็บภาพได้ 2 สถานที่สำคัญ คือ Blue Mosque และ Hagia Sophia ซึ่งเป็นมุมที่สวยเลยค่ะ (ที่เรามาแล้วเมื่อวานตอนกลางคืน มากลางวันก็เห็นชัด งามอลังดีค่ะ)

แล้วเราก็เข้า Hagia Sophia สแกนกระเป๋า + เอกซเรย์ตัวกันไป (สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในอิสตันบูลมีสแกนหมดเลยค่ะ เพื่อความปลอดภัย)

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Hagia Sophia 3
Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Hagia Sophia 2

Hagia Sophia (หรือ Aya Sophia หรือวิหารเซนต์โซเฟีย) อดีตเป็นโบสถ์คริสต์ ก่อนที่สมัยนึงจะถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า แต่มีความขัดแย้งกันระหว่าง 2 ศาสนา ในที่สุดจึงเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อลดความขัดแย้งค่ะ และเคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วยนะ

ช่วงที่เราไปด้านในมีปิดซ่อมบำรุงอยู่ (เกือบ) ครึ่งหนึ่ง ทำให้เราไม่สามารถเดินชมได้ทั่ว แต่กระนั้นก็ยังสามารถสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการและสวยงามของที่นี่ได้อย่างชัดเจน

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Hagia Sophia 1

ออกจากวิหารเซนต์โซเฟีย เราเดินกันไปต่อเพื่อชมสิ่งมหัศจรรย์กลางเมืองอิสตันบูลอีกที่ นั่นคืออุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน

อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici หรือ The Basilica Cistern) สร้างเมื่อประมาณ 1500 ปีมาแล้วเพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพระราชวัง สำรองไว้กรณีที่ข้าศึกปิดล้อมเมือง เสาที่ตั้งยันหลังคาอยู่ใต้ดินเป็นศิลปะแบบโรมัน

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Yerebatan Sarnici 1

ไฮไลท์ของที่นี่คือเสาหยดน้ำตา และเสาศีรษะนางเมดูซ่า ซึ่งอยู่ปลายสุดของทางเดินค่ะ

ภายในอุโมงค์เก็บน้ำนี้ค่อนข้างชื้น มีน้ำที่พื้นบางจุด รวมทั้งอาจจะมีน้ำหยดลงศีรษะได้บ้าง จึงควรเดินอย่างระมัดระวัง เพราะด้านในค่อนข้างมืดและลื่นด้วยค่ะ

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Yerebatan Sarnici 2

อ้อ! ที่นี่เป็นที่แรกตั้งแต่เราเที่ยวมาที่ใช้ Museum pass ไม่ได้

วันนี้เราทำเวลาได้ดีมาก จึงสามารถเก็บที่ท่องเที่ยวอีกที่นึงได้นั่นคือ พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palce)

พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palce) เป็นวังโบราณของสุลต่าน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ด้านในมีขนาดใหญ่มาก ไฮไลท์สำคัญที่ต้องชมคือที่จัดแสดงสมบัติอันมีค่าของสุลต่าน เช่น กริชที่มีมรกตขนาดใหญ่ประดับอยู่ 3 เม็ด และเพชรมากมาย รวมทั้งเพชรยักษ์ขนาด 86 กะรัต และชุดเกราะทองคำนอก จากนั้นคือการเยี่ยมชมฮาเร็มและโรงครัว

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Topkapi 1

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Topkapi 2

เราเยี่ยมชมฮาเร็มก่อน (ฮาเร็มต้องจ่ายเพิ่มจากค่าตั๋วเข้าทอปกาปี แต่ Museum pass ของเราเข้าได้ฟรีค่ะ) ที่นี่สวยงามตามท้องเรื่อง ชอบลายกระเบื้องในหลายห้องของเค้ามาก ดูงดงามดีจัง แต่ก็เสียดายมีปิดปรับปรุงไปหลายห้องอยู่

ตอนเราไป เจอคณะท่านทูตหรือรัฐมนตรีหรือคนสำคัญอะไรไม่รู้มางานในวังกัน มีการ์ดอารักขาเพียบ ทำให้เราต้องต่อแถวเพื่อเข้าชมบางสถานที่เป็นเวลานานมาก

เดินเข้านอกออกในจนทั่ว แต่ไม่เจอกริชมรกตและเพชรยักษ์ เลยตัดสินใจสอบถามเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่าปิดปรับปรุงจ้า ก็เลยเซ็งกันไป

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Grand Bazaar

ออกจากที่นี่ เราก็มุ่งหน้าไป Grand Bazaar กันต่อ เราเลือกทางที่เดินผ่านสะพานกัลลาต้าด้วย เพื่อจะทานแซนด์วิชปลาอันลือชื่อที่ขายอยู่ใต้สะพาน บางคนก็บอกว่าอร่อย บางคนก็บอกว่าไม่อร่อย แต่จากที่กุ้งแอนด์เดอะแก๊งชิม เราชอบนะคะ ไม่แพงด้วย

มาถึง Grand Bazaar ในนี้ขายของหลากหลาย ทั้งของที่ระลึก ขนม พรม เสื้อผ้า ไปจนถึงของก๊อปปี้แบรนด์เนม แต่เราไม่ได้ช็อปอะไรเลยในนี้ แค่เดินชมและแวะชิมชา + กาแฟตุรกีที่ร้านเก่าแก่ร้านดังกลาง Grand Bazaar

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยัง Spice Market ต่อ ซึ่งก็ไม่ได้อะไรกลับไปเช่นกัน แต่ไปได้ขนม Turkish delight ที่แถวๆ ตลาดนี้แทน จากร้าน Alipasazade เพราะดูแล้วน่าทานดี มีราคาชัดเจน แล้วคนขายก็อัธยาศัยดีด้วยค่ะ

Dream Destination Turkey Day 8 - Istanbul - Spice market

จากนั้นเราก็ไปนั่ง eat & drink ที่ใต้สะพานกัลลาต้ากันอีกรอบค่ะ เพราะเมื่อตอนกลางวันที่เรามาเดินซื้อแซนด์วิชปลา เราพบว่าแถวนี้มีร้านริมน้ำน่านั่งหลายร้าน เราเลือกนั่งร้านนึงที่ดูน่าสนใจ และอาหารมีราคาบอกชัดเจน นั่งทานกันชิลๆ ชมวิวไปเพลินๆ อากาศเย็นสบายมากค่ะ

จากนั้นก็กลับโรงแรม แทบสลบกันเลย เพราะวันนี้เราเดินเยอะมาก

วันที่ 9 : วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2560

วันนี้เรามีโปรแกรมไปฮัมมัมกันค่ะ เราจอง Cemberlitas Hamami ผ่านทาง Expedia ไว้ (ราคารวมรถรับส่ง)

รถมารับตามเวลานัด เป็นรถบัสคันใหญ่เลยค่ะ (คาดว่าน่าจะมารับเราก่อนไปรับทัวร์) แล้วเราก็เหมารถนั่งกันแค่ 3 คน รู้สึกวีไอพีมาก จริงๆ แล้ว ฮัมมัมอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเราเลย (บอกแล้วว่าเราเลือกจองที่พักทำเลดี) แต่เนื่องจากมีบริการรถรับส่งด้วย เราก็เลยไม่จำเป็นต้องเดินไปเอง

ฮัมมัม (hammam หรือ Turkish Bath) เป็นสถานที่อาบน้ำรวมของตุรกี เรียกได้ว่าถ้าคุณไปญี่ปุ่นห้ามพลาดออนเซ็นฉันใด มาตุรกีก็ห้ามพลาดฮัมมัมฉันนั้น ที่กุ้งเลือกจองโปรแกรมนี้มา ก็เพราะว่ากุ้งต้องการสัมผัสความเป็นตุรกีอย่างแท้จริง อีกทั้งการที่เลือกฮัมมัมแห่งนี้ก็เพราะสถาปนิกที่ออกแบบที่นี่เป็นผู้ออกแบบ Topkapi Palace และ Suleiman Mosque และสุเหร่าสำคัญๆ ในตุรกีค่ะ เราก็เลยอยากไปสัมผัส

พอมาถึงฮัมมัมเราเลยเพิ่งรู้ว่าแพ็คเก็จที่เราซื้อมาเป็นแค่แพ็คเก็จเริ่มต้น ซึ่งคือ self service เราอาบน้ำและนอนแช่บนตั่งที่เป็นพื้นหินอ่อนร้อนได้นานไม่จำกัดเวลา แต่เพราะเราอยากนวดด้วยเลยยอมจ่ายเพิ่ม กุ้งเลือกคอร์สถัดไปที่รวมสครับ+บั๊บเบิ้ลโฟมด้วย 15 นาที (จ่ายเพิ่ม 45 ยูโร)

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Cemberlitas Hamami 1

พอเลือกแพ็คเก็จได้พนักงานจะให้ชิพสีมา แต่ละสีแทนความหมายว่าเราเลือกแพ็คเก็จไหนเพื่อที่พนักงานด้านในไหนจะได้รู้ และเค้าก็ให้ผ้าเช็ดตัว กางเกงใน และผ้าสำหรับขัดตัวมาด้วย

เข้าไปด้านใน (แยกชายหญิงคนละฝั่งนะคะ) พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็ชี้ให้เราเดินขึ้นบันไดไป พอขึ้นไปเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เราก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บของไว้ในล็อกเกอร์กันค่ะ

เดินนุ่งผ้าลงมาแบบงงๆ มีพนักงานนำเราไปบริเวณด้านในที่มีตั่งหินอ่อนยกระดับทรงกลมตรงกลาง ใหญ่พอจะนอนได้หลายคนอยู่ เบื้องหน้ามีฝรั่ง 2 คนนอนอยู่ (2 คนนี้คือคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนเราตอนเราเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราถอดผ้านุ่งและให้นอนบนตั่งนั้น เราเขินๆ นิดหน่อยเพราะโนบรา แต่ฝรั่งที่มาก่อนก็โนบราด้วยเลยไม่เป็นไรถือว่ามีเพื่อน 555

พื้นหินอ่อนร้อนๆ นอนแล้วสบายตัวมากค่ะ เรานอนอยู่สักครู่พนักงานนวดก็เข้ามา นวดให้ฝรั่ง 2 คนนั้นก่อน (ก็เค้ามาก่อนนี้นะ)

กุ้งแอบมองฝรั่งนิดๆ เนื่องจากว่าอยากรู้ขั้นตอน เพราะตั้งแต่เข้ามานอน ไม่มีใครบอกเลยว่าเราต้องทำอะไรยังไง พนักงานนวดๆ ขัดๆ ฝรั่ง ซักพักพนักงานคนใหม่ก็เดินเข้ามาที่กุ้ง และทำท่าให้กุ้งลุกขึ้นนั่ง จากนั้นเค้าก็เอาผ้ามาขัดๆ ตัว และทำฟองเป็นบั๊บเบิ้ลคลุมๆ ทั้งตัว สบายผิวมากมายค่ะ รวมทั้งสระผมให้เราด้วย

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Cemberlitas Hamami 2
Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Cemberlitas Hamami 3

แต่ๆๆ เวลาทั้งหมดในขั้นตอนสครับนี้มันไม่ถึง 15 นาทีตามที่แพ็คเก็จที่เราเลือกค่ะ (จากการดูนาฬิกา คาดว่าประมาณ 7-8 นาทีเท่านั้น) เราก็นอนรอว่าเค้าจะเข้ามาอีกมั้ย อาจจะยังไม่เสร็จขั้นตอน แต่รออยู่พักใหญ่ก็ไม่มีใครเข้ามา เลยลุกขึ้นออกไปเอง

เสร็จแล้วกุ้งก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับ และนั่งไดร์ผมแต่งหน้าตรงที่ที่เค้าจัดเตรียมไว้ให้ ซักพักก็มีฝรั่งคนใหม่เดินขึ้นมา หันซ้ายหันขวาทำท่างงๆ เค้าสบตาเราและเดินเข้ามาหา พร้อมถามว่าเค้าต้องทำอะไรยังไง เราก็เลยแนะนำไปเท่าที่รู้ เลยคิดว่าทุกคนที่มาที่นี่เค้าคงจะงงเหมือนกัน ไม่ใช่เรางงแค่คนเดียว แต่เอาเป็นว่าถ้าใครไปก็สเต็ปตามนี้ละกันค่ะ

ออกจากฮัมมัมมาฝนตกปรอยๆ เรารีบนั่งรถรางมุ่งหน้าสู่ที่ถัดไป พระราชวังโดลมาบาห์เช่

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Dolmabahçe Palace 1

พระราชวังโดลมาบาห์เช่ (Dolmabahce) เป็นพระราชวังโบราณสร้างด้วยหินอ่อน เป็นศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก จุดเด่นของวังคือการประดับตกแต่งด้วยความประณีตวิจิตรตระการตา มีเฟอร์นิเจอร์มากมายที่นำเข้าจากยุโรป สิ่งที่ห้ามพลาดชมคือโคมไฟระย้าสุดอลังการที่หนักถึง 5 ตันซึ่งอยู่ในห้องสุดท้าย กุ้งยืนชมโคมไฟนี้อยู่นานมาก เพราะว่ามันสวยและอลังการมากจริงๆ ค่ะ งดงามไม่มีคำบรรยาย ขนาดกุ้งมีโอกาสได้เยี่ยมชมวังสไตล์ยุโรปมาแล้วหลายประเทศ แต่ขอบอกว่าโคมไฟที่นี่ควรค่าแก่การไปเห็นด้วยตาตัวเอง

อ้อ! ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่ใช้ Museum pass ไม่ได้และบริเวณด้านในวังก็ห้ามถ่ายรูปนะคะ

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Dolmabahçe Palace 2

จากการอ่านรีวิวมา บอกไว้ว่าที่นี่ต้องเดินเข้าไปเป็นกรุ๊ปและมีไกด์บรรยายเป็นรอบๆ แต่ว่าตอนที่กุ้งไปนั้นเค้าเปลี่ยนเป็น audio guide หมดแล้วค่ะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใช้แค่พาสปอร์ตไปแลก และไม่มีภาษาไทยนะคะ ก็ฟังภาษาอังกฤษเอา แต่เค้าพูดฟังง่ายอยู่ค่ะ

ที่นี่มีฮาเร็มด้วยเช่นกันนะคะ แนะนำให้เข้าไปชม ไม่เสียตังค์เพิ่มค่ะ

จากนั้นก็ไปจัตุรัสทักซิม (Taksim Square) เพื่อจะไปสู่ย่านถนน Shopping ค่ะ แต่ผ่านร้าน Turkish Delight ชื่อดังพอดี เลยขอแวะชิมซักหน่อย นั่นคือร้าน Hafiz Mustafa ที่เป็นร้านเก่าแก่และโด่งดังที่สุดของตุรกีนั่นเอง ร้านดูหรูหรา (ฟีลคล้าย Laduree ที่ปารีส แต่เป็นสไตล์ตุรกี) ขนมรสชาติดีค่ะ พนักงานก็ดูมืออาชีพ และแน่นอน ราคาไม่ถูก

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Hafiz Mustafa 1
Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Hafiz Mustafa 2

เสร็จแล้วก็ window shopping

ที่ย่านนี้มีร้านแบรนด์ต่างชาติมากมาย เราไม่ได้แวะร้านใดเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเวลามากพอ และคิดว่าราคาไม่น่าจะถูกค่ะ 555

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Pera Palace Hotel 2

เดินจนสุดถนนเห็นว่าพอมีเวลา เลยตัดสินใจจะไป Pera Palace Hotel โรงแรมที่อาจจะไม่ได้มีความสำคัญสำหรับใคร แต่สำคัญสำหรับกุ้ง การที่ต้องมาให้เห็นโรงแรมนี้ ก็เพราะเป็นโรงแรมที่นักเขียนในดวงใจของกุ้ง “อกาธา คริสตี้” เคยมาพัก และเขียนนิยายเรื่อง “Murder on the Orient Express” หนังที่เข้าฉายไปเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ (กุ้งชอบนักเขียนคนนี้มากกกกกกก) ซึ่งก็ขอขอบคุณคุณฝาชีและคุณน้องสาวมากๆ ที่ยอมตามใจให้กุ้งมา (พวกนางคงชินกันแล้วล่ะ เพราะกุ้งชอบไปตามรอยหนังกับหนังสือ ที่กุ้งชอบประจำเลย แต่อันนี้คือขอบมากๆๆๆๆ จริงๆ)

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Pera Palace Hotel 1
Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Pera Palace Hotel 3
Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Pera Palace Hotel 4
Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Pera Palace Hotel 5

เสร็จจากที่นี่ เราก็รีบไปล่องเรือเพื่อชมช่องแคบบอสฟอรัส ชมตุรกีฝั่งเอเชียและยุโรปผ่านทางสายน้ำ รวมทั้งสถานที่สำคัญต่างๆ จากอีกมุมนึง วิวสวย แต่อากาศก็หนาวเช่นกันค่ะ

ขากลับ แวะเก็บภาพ Blue Mosque และ Hagia Sophia ตอนกลางคืนอีกรอบ (และเล่น + ให้อาหารกับแมวเหมียวน้อยที่เล่นด้วยกันทุกวันตรงแถบนี้อีกซักครั้ง) เพราะพรุ่งนี้เราต้องร่ำลาตุรกีกันแล้ว

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Blue mosque night

Dream Destination Turkey Day 9 - Istanbul - Hagia Sophia night

ป.ล. กุ้งชอบแมวค่ะ พกอาหารแมวมาจากไทยเลย 555 (ตอนไปกรีซ ที่นั่นก็แมวเยอะ ต้องไปซื้ออาหารแมวที่กรีซ รอบนี้พอรู้ว่าแมวเยอะเลยพกมาบางส่วนค่ะ) คือที่ตุรกีคือแมวเยอะมากและขี้อ้อนมาก เรียกได้ว่าเที่ยวแต่ละที่เสียเวลาเล่นกับแมวเยอะเหมือนกัน 555 ((การให้อาหารแมวจรเป็นเรื่องปกติของคนตุรกีนะคะ))

กลับโรงแรมแพ็คกระเป๋ากันจ้า

วันที่ 10 : วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2560

ตื่นเช้ามา กินข้าวเช้าที่โรงแรม แล้วก็ออกไปเก็บตกเมืองอิสตันบูลเป็นครั้งสุดท้ายกันค่ะ

ถ่ายภาพหน้า Blue Mosque และ Hagia Sophia อันสวยงามอีกซักครั้ง เวลา 10 วันแสนสนุกช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

จากนั้นเรากลับโรงแรม เช็คเอาท์แล้วก็รอรถที่เราจองจาก Expedia มารับค่ะ รอบนี้เราได้เป็นรถเบนซ์ซึ่งหรูหรามาก ด้านในมีโต๊ะมีอะไรด้วย ขับมาแป๊ปเดียวก็ถึงสนามบินค่ะ (เราก็เผื่อเวลารถติดซะเยอะเลย 555)

จากนั้นก็เช็คอินกลับไทย แวะเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี (มีเวลา 1.20 ชั่วโมง แต่ก็ทันสบายๆ นะคะ) อ้อ! สำหรับสายการบิน Etihad เค้าให้น้ำหนักกระเป๋า 1 ใบไม่เกิน 23 กิโลนะคะ (สมมุติ 2 ใบรวมกันไม่เกิน 23 ก็ไม่ได้นะ)

กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจในประเทศตุรกีอย่างเต็มเปี่ยม เรามีความสุขจากการเดินทางในทริปนี้มาก ใครมีโอกาสก็อยากให้ไปกันนะคะ และอย่าลืมจองผ่าน Expedia.co.th กันด้วยน้า เค้าครบวงจรจริงๆ

สุดท้าย ขอขอบคุณ Expedia มากๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ ที่ทำให้ทริปในฝันกุ้งเป็นจริง ประสบการณ์นี้จะไม่มีวันลืม

[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพ-อิสตันบูล’ deals=’hotels,flights,packages’]
คลิกเพื่อติดตามเรื่องราวของผู้โชคดีคนอื่นๆ