โดย Expedia Team, 22 January 2018

10 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าไปสำรวจในปี 2018

มาต้อนรับปี 2018 ให้เป็นปีที่เต็มไปด้วยการผจญภัยด้วยการเริ่มต้นวางแผนท่องเที่ยวตะลุยพิกัดต่างๆ รอบโลกเพื่อเติมความสดใสให้ชีวิต พร้อมๆ กับเปิดเพลง Good Life ของ One Republic ฟังไปด้วย เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้คุณได้นึกถึงชีวิตดีๆ และประสบการณ์ที่เคยได้รับเมื่อได้ไปอยู่ในสถานที่แปลกใหม่ การเดินทางนอกจากจะเป็นการพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังให้ชีวิตแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ สภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย รวมไปถึงได้เปิดใจทำความรู้จักกับวัฒนธรรมต่างถิ่นที่น่าค้นหา สำหรับใครที่กำลังมองหาพิกัดเจ๋งๆ สำหรับไปท่องเที่ยวเผชิญโลกกว้างในปีนี้นั้น rabbit daily ได้ลิสต์ 10 จุดหมายปลายทางในฝันที่่น่าไปสำรวจในปี 2018 มาให้แล้วละ พร้อมแล้วก็เตรียมแพ็กกระเป๋าไปทักทายโลกกว้างกันเลยดีกว่า!

10 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าไปสำรวจในปี 2018


1

นครเซบียา (Seville)

ประเทศสเปน

1. นครเซบียา (Seville) ประเทศสเปน

แม้ว่าเมื่อกล่าวถึงสเปน หลายๆ คนจะนึกถึงกรุงมาดริด แต่ยังมีอีกพิกัดที่น่าไปเยือนไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “นครเซบียา” ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของสเปนทางตอนใต้ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่รูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิค ครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นเส้นทางการค้าที่รุ่งเรืองในสมัยศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะและสิ่งก่อสร้างที่งดงามล้ำค่า สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็เช่น พระราชวังเซบียา (Real Alcázar), มหาวิหาร Seville Cathedral, อุทยาน Maria Luisa Park, Plaza de Espana หรือจัตุรัสสเปนที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่สวยที่สุดในสเปน นอกจากนี้ใจกลางเมืองยังมีคลองเล็กๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวล่องเรือชมความงดงามของสิ่งก่อสร้างได้ หลายสถานที่ยังคงรักษาสภาพเดิมของตัวอาคารไว้ รับรองว่าเป็นเมืองสวยๆ ที่ใครๆ ก็ต้องหลงเสน่ห์

2

เมืองแบร์กาโม (Bergamo)

ประเทศอิตาลี

2. เมืองแบร์กาโม (Bergamo) ประเทศอิตาลี

แบร์กาโม่ เมืองทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายยุโรปแบบย้อนยุคนิดๆ เมื่อคุณไปสัมผัสเมืองนี้จะรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคกลางอีกครั้ง สถาปัตยกรรมของแบร์กาโม่ผสมผสานระหว่างศิลปะยุคกลางและยุคเรเนสซองส์ไว้ด้วยกัน มีการอนุรักษ์เขตเมืองเก่าซึ่งมีร่องรอยประวัติศาสตร์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยเฉพาะกำแพงเมืองโบราณ หรือ Venetian Walls ที่สร้างไว้เพื่อป้องกันข้าศึกในอดีตนั้นยังมีให้เห็นในสภาพสมบูรณ์ ประกอบกับถนนหินแคบๆ เก่าแก่ที่สร้างความขลังให้เมืองแห่งนี้ ทั้งนี้เมืองแบร์กาโม่ยังเป็นเส้นทางแข่งขันปั่นจักรยานของบรรดานักปั่นน่องเหล็กอีกด้วย แม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนี้ก็จะนิยมปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปทั่วเมืองเช่นกัน

3

เมืองดูโบรฟนิก (Dubrovnik)

ประเทศโครเอเชีย

3. เมืองดูโบรฟนิก (Dubrovnik) ประเทศโครเอเชีย

จุดหมายปลายทางสุดโรแมนติกของหนุ่มสาวทั่วโลกที่อยากให้คุณได้มาดื่มด่ำความงดงามของเมืองดูโบรฟนิกด้วยสายตาตัวเองสักครั้ง เมืองเก่าแก่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก แถมยังเป็นโลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์ Game of Thrones อีกด้วย ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องไปสัมผัสก็คือเขตเมืองเก่าที่มีกำแพงเมืองยาวกว่า 2 กิโลเมตรล้อมรอบ และยังเป็นจุดชมวิวยอดฮิตเพราะจะได้เห็นภาพมุมสูงของเมืองดูโบรฟนิกที่มีทัศนียภาพสวยงาม สำหรับกิจกรรมที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือการเดินเล่นกินลมชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ ชื่นชมความงดงามของถนนเก่าแก่และสิ่งก่อสร้างที่ทรงคุณค่า เช่น พระราชวัง โบสถ์ มหาวิหาร หอนาฬิกาโบราณ ป้อมปราการบนโขดหิน และยังมีน้ำพุ Onofrio ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตลอดสองข้างทางก็มีคาเฟ่น่ารักๆ ให้คุณได้เข้าไปนั่งจิบกาแฟ ทานไอศกรีม หรือจะแวะทานอาหารทะเลที่ร้านริมชายฝั่งพร้อมชมความงดงามของทะเลอะเดรียติกก็ได้

4

หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn)

ประเทศเนเธอร์แลนด์

4. หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) ประเทศเนเธอแลนด์

กีธูร์น เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แสนน่ารักในเมือง Overijssel ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น “เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์” เพราะหมู่บ้านกีธูร์นนั้นไร้ถนน การจะเดินทางสัญจรเข้าไปนั้นจะต้องอาศัยการนั่งเรือผ่านคลองเล็กๆ ที่เชื่อมต่อหมู่บ้านไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีสะพานมากกว่า 180 แห่งเพื่อให้ชาวบ้านได้ข้ามฟากอย่างสะดวก ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ที่ประกอบอาชีพทำเหมืองถ่านหิน จึงต้องขุดคลองเพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงถ่านหิน ต่อมามีการใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทำภาพยนตร์คอเมดี้ชื่อดังเรื่อง Fanfare (1958) จึงทำให้กีธูร์นกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันหมู่บ้านกีธูร์นกลายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญ เหมาะสำหรับผู้ที่หลงรักวิถีสโลว์ไลฟ์และชื่นชอบธรรมชาติ

5

อุทยานแห่งชาติมาไซ มาร่า (Masai Mara)

ประเทศเคนยา

5. อุทยานแห่งชาติมาไซ มาร่า (Maasai Mara) ประเทศเคนยา

เตรียมบินลัดฟ้าไปเสาะหาประสบการณ์ท่องเที่ยวแนวผจญภัยซาฟารีในดินแดนแอฟริกาตะวันออก นั่นคือการไปตะลุยส่องสัตว์ที่อุทยานแห่งชาติมาไซ มาร่า ในประเทศเคนยา การท่องเที่ยวลักษณะนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีในหมู่ชาวต่างชาติ ซึ่งเดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวไทยก็เริ่มนิยมกันมากขึ้น เพราะการเปลี่ยนบรรยากาศไปชมทุ่งหญ้าสะวันนาที่อุดมสมบูรณ์ แอบส่องบรรดาสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด เช่น ฝูงสิงโต ม้าลาย ยีราฟ ฯลฯ จะทำให้คุณลืมการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ หากใครรู้สึกคุ้นๆ พิกัดนี้ละก็ เตรียมร้องอ๋อกันได้เลย เพราะอุทยานแห่งชาติมาไซ มาร่า เป็นแรงบันดาลใจของแอนิเมชั่นเรื่อง Lion King นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังจะได้พบกับ “ชนเผ่ามาไซ” ตัวจริงเสียงจริง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่กระโดดได้สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

6

เมืองบรูม (Broome)

ประเทศออสเตรเลีย

6. เมืองบรูม (Broome) ประเทศออสเตรเลีย

ออสเตรเลียยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเสมอ นอกจากเมืองใหญ่ๆ ที่รู้จักกันดีอย่างกรุงแคนเบอร์รา ซิดนีย์ และเมลเบิร์นแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีพิกัดใหม่ๆ ที่เริ่มได้รับความนิยมและกลายเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวประจำปี 2018 นั่นก็คือเมืองเล็กๆ ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียที่มีชื่อว่า “บรูม” นั่นเอง จุดเด่นของเมืองนี้คือมีภูมิทัศน์ที่สวยงามและยังเหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม เพราะมีอุณหภูมิอบอุ่นทั้งปี สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตคือชายหาด Cable ที่สวยงดงามติดกับมหาสมุทรอินเดีย นักท่องเที่ยวนิยมไปขี่อูฐสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเล ห่างออกไปยังมีหน้าผาหินทรายแดง Gantheaume Point ให้นักท่องเที่ยวปีนป่ายขึ้นไปชมแสงแรกและแสงสุดท้ายของวัน

7

นครอิสตันบูล (Istanbul)

ประเทศตุรกี

7. นครอิสตันบูล (Istanbul) ประเทศตุรกี

ประเทศตุรกีมีฉายาว่า “ดินแดนสองทวีป” เพราะตั้งอยู่ทั้งในฝั่งทวีปเอเชียและยุโรป อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่ร่ำรวยศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะ “นครอิสตันบูล” หรือชื่อเดิมคือคอนสแตนติโนเปิลที่เคยเป็นเมืองหลวงอันรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิโรมันในอดีตและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้อิสตันบูลเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้สัมผัสกับสิ่งก่อสร้างสวยงามที่ผสมผสานศิลปะอิสลามที่วิจิตรงดงาม ทั้งนี้ยังมีท่าเรือ Karakoy ที่เป็นจุดพักผ่อนยอดฮิตของชาวอิสตันบูล และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่คนรักสัตว์ต้องหลงรักก็คือ นครแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแมว” อีกด้วย เพราะชาวเมืองรักแมวมาก จึงมักจะนำอาหารและผ้านวมอุ่นๆ มาวางไว้ให้แมวจรทั่วเมือง แถมแมวเมืองนี้ยังเฟรนด์ลี่และน่ารักอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใครเป็นทาสแมวต้องหลงรักแน่นอน

8

มณฑลหูหนาน (Hunan)

ประเทศจีน

8. มณฑลหูหนาน (Hunan) ประเทศจีน

ประเทศจีนมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในแต่ละมณฑลก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป หากใครอยากไปสำรวจแผ่นดินมังกรในปี 2018 นั้นต้องลองไปเที่ยวมณฑลหูหนาน เพราะพิกัดนี้ตอบโจทย์ทุกความชื่นชอบของนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น เมืองฉางซา เมืองโบราณเฟิ่งหวง ถนนไท่ผิง เกาะส้ม และย่านช้อปปิ้ง รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีธรรมชาติสวยงามติดอันดับโลกอย่าง “อุทยานแห่งชาติในจางเจียเจีย” และ “อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน” ที่เป็นแรงบันดาลใจให้บางฉากในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Avatar (2009) ในอุทยานมีเสาหินควอตซ์สูงตระหง่านมากกว่า 3,000 ต้น ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีน ยิ่งในช่วงหน้าหนาวจะมีหมอกหนาปกคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นภาพที่สวยงามตระการตาสุดๆ

9

เมืองซัปโปโร (Sapporo)

ประเทศญี่ปุ่น

9. เมืองซัปโปโร (Sapporo) ประเทศญี่ปุ่น

ซัปโปโร ตั้งอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น สำหรับนครซัปโปโรนี้ถือว่าเป็นเมืองใหม่ของญี่ปุ่น มีอายุประมาณ 150 ปี เพราะตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1868 แต่โดดเด่นตรงที่มีการวางผังเมืองและพัฒนาระบบคมนาคมตามแบบตะวันตก โดยมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า นอกจากนี้ตัวอาคารยังมีความทันสมัยแบบสิ่งก่อสร้างตะวันตก ทำให้ซัปโปโรเป็นเมืองที่สวยงามและสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะที่เป็นปอดใหญ่ของเมือง และยังมีชื่อเสียงด้านโรงเบียร์เก่าแก่ เทศกาลหิมะซัปโปโร และร้านราเม็งรสชาติอร่อย แถมในเมืองยังมีไฟประดับประดาหอคอย Sapporo T.V. Tower ซึ่งคล้ายคลึงกับหอคอยโตเกียว เนื่องจากใช้วิศวกรคนเดียวกันนั่นเอง

10

เมืองชัยปุระ (Jaipur)

ประเทศอินเดีย

10. เมืองชัยปุระ (Jaipur) ประเทศอินเดีย

“เมืองชัยปุระ” แห่งแดนภารตะ ตั้งอยู่ในรัฐราชสถาน ซึ่งได้กลายเป็นพิกัดท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง เพราะถูกเรียกขานจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่า “มหานครสีชมพู” เนื่องจากอาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างภายในเมืองนี้ถูกทาด้วยสีชมพูและสีสันสดใส ด้วยในอดีต ค.ศ. 1876 เจ้าชายแห่งเวลส์เสด็จมาเยือนอินเดีย ทางการจึงต้องการสร้างความประทับใจโดยการสั่งให้ประชาชนทาสีบ้านเรือนเป็นสีชมพู นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของชัยปุระยังสร้างตามหลักวัสดุศาสตร์ มีความสมมาตรสวยงาม สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเช็คอินให้ได้เมื่อมาเยือนเมืองนี้ ได้แก่ หมู่พระราชมณเฑียรฮาวามาฮาล หรือ “พระราชวังสายลม” ที่สร้างจากหินทรายสีแดงและชมพู, หอดูดาวชันตรมันตระ ซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นมรดกโลก และป้อมนาฮาการ์ รับรองว่าเดินชมเมืองกันเพลินจนลืมเวลาไปเลยละ

เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 จุดหมายปลายทางที่น่าไปสำรวจในปี 2018 นี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆ ให้สำหรับคนที่กำลังมองหาพิกัดเจ๋งๆ สำหรับเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ รับรองว่าได้ทุกสถานที่ที่เราคัดสรรมาแนะนำกันนั้น อินเทรนด์ไม่ซ้ำใครแน่นอน อย่ามัวรอช้าอยู่ เลือกสถานที่ในดวงใจแล้วหาโอกาสไปเยือนกันเถอะ!


ขอบคุณข้อมูลจาก

Logo RabbitDaily

Rabbit Daily

Rabbit Daily Bangkok’s No.1 Lifestyle Magazine เว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง อัพเดทบทความใหม่ๆ พร้อมเนื้อหาสาระอัดแน่นจากนักเขียนคุณภาพ พบกับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ อย่างที่คุณชอบที่ Rabbit Daily